Banner Placeholder
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4

Backpack โบกรถ (เชียงดาวบ้านสายหมอก-แม่กำปอง) 3 คืน ชิคๆ ชิลล์ๆ งบ 700 กว่าบาท

Backpack โบกรถ (เชียงดาวบ้านสายหมอก-แม่กำปอง) 3 คืน ชิคๆ ชิลล์ๆ งบ 700 กว่าบาท


ตะลุยเที่ยวเชียงดาวบ้านสายหมอก-แม่กำปอง ด้วยหัวใจใคร่อยากรู้ ไร้แผน ไร้ที่พัก ทุกอย่างหาเอาข้างหน้า หากใครชอบท่องเที่ยวแนว Backpack รีวิวนี้น่าตามรอยสุดๆ จากคุณ เสบียงบุญ สมาชิกพันทิปดอทคอม ไปดูกันเลย

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เราไม่ใช่นักเดินทางนะ แต่เราแค่ชอบการเดินทาง การเดินทางของผมเริ่มต้นเพราะความอยากรู้ อยากรู้ว่ามันสวยจริงไหม มันสุดยอดอย่างที่คนร่ำลือกันหรือเปล่า เมื่อเราอยากรู้แล้ว เราก็เลยอยากได้คำตอบ ก็เลยเป็นคนออกหาคำตอบมันด้วยตัวเราเองนี่แหล่ะ จะไปยากอะไร อยากจะเป็นคนสัมผัสมันด้วยตัวเอง เห็นด้วยตาตัวเอง เราก็เลยชอบออกค้นหาการเดินทางใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น การเดินทางในครั้งนี้ก็เหมือนกับการเดินทางในทุกๆ ครั้งของเรา คือมีเป้าหมายว่าจะไปที่ไหน และก็เหมือนกับทุกๆครั้งคือ ไม่รู้ว่าจะไปยังไง ไปนอนที่ไหน กินยังไง อยู่ยังไง ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างทาง แต่ที่รู้และมั่นใจก็คือ ต้องสนุกมากๆแน่ๆ !!!

......ครั้งนี้ผมเลือกเดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ เป้าหมายก็คือ บ้านระเบียงดาว กับ หมู่บ้านแม่กำปอง โดยที่ตั้งงบไว้กะให้ไม่เกิน 1000 บาทในเวลา 4 วัน โดยก่อนไปก็โทร.ไปถามห้องพักที่บ้านระเบียงดาวไว้ ทว่ามันเต็ม แต่พวกเราตั้งเป้าว่าจะไปกันแล้ว เต็มก็เต็มดิวะ ไปตายเอาดาบหน้าเว้ย!!
กระเป๋าพร้อม คนพร้อม ใจพร้อม และเมื่อทุกอย่างพร้อมการเดินทางก็เริ่มขึ้น

เราเริ่มออกเดินทางจากพิษณุโลก โดยขึ้นรถไฟฟรีไปที่เชียงใหม่ ก็ออกคืนวันที่ 29 กรกฎาคม รถไฟออกจากสถานีเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ ก็ตั้งใจให้ไปถึงที่เชียงใหม่ประมาณเช้าๆ เพราะต้องกะเวลาเดินทางไปเชียงดาวต่อด้วย แต่เผอิญวันนี้เป็นวันที่จะหยุดยาวเข้าพรรษา คนเลยเยอะมาก รถไฟนี่ไม่ต้องพูดถึงมียืนกันบ้างล่ะครับ T T

เวลาเดินรถจริงๆ ก็ประมาณ 3 ทุ่ม 10 นาที แต่รถไฟมาประมาณ 3 ทุ่ม 40 นาที เรทหน่อยนะครับ ของฟรีอย่าบ่น 555 ระหว่างทางนี่ก็แทบไม่ได้นอนเลยครับ เพราะคนเยอะมาก ปกตินั่งรถไฟมาตอนกลางคืนยังได้นอนบ้างเพราะคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่นี่ช่วงเข้าพรรษาพอดีคนกลับบ้านกันเยอะ เลยนั่งๆ ยืนๆ ยาวๆ ไป
เวลาตี 4 เกือบตี 5 ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ ต้องบอกเลยว่าอยากประหยัดต้องอดทน ระบมไปทั้งตัวจ้าาา พอมาถึงสถานีรถไฟ ก็เตรียมตัวอาบน้ำกันเลย เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางต่อไปที่เป้าหมายของเรา Goooooo!! 

ทริปนี้เราไปด้วยกันทั้งหมด 5 คน แต่เรานั่งรถไฟไปจากพิษณุโลกกัน 3 คน เลยต้องนั่งรอพี่มาจากระยองอีก 2 คน เพราะเรามาถึงก่อน เลยต้องนั่งรอยาวๆ ไป พี่จะมาถึงก็เกือบเที่ยง T T เลยกะเดินเล่นกันไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเวลา ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ 
เดินไปเดินมา มาโผล่อีกทีประตูท่าแพเลยครับ ไกลอยู่นะจากสถานีรถไฟ ถือว่าเดินชมเมืองตอนเช้า 5555 ได้อีกฟิวนึงเหมือนกัน

พอได้เวลาพี่มาถึงเราก็ไปขึ้นรถที่อาเขตช้างเผือกครับ เพื่อหารถไปเชียงดาวกัน
ค่ารถไปเชียงดาวก็คนละ 40 บาท เราบอกคนรถให้ไปจอดที่โลตัสเชียงดาว เพราะแถวนั้นจะมีรถเหมาขึ้นไปบนบ้านระเบียงดาว แต่ในใจคือเราจะไม่ยอมเสียตังค่าเหมารถขึ้นไปแน่ๆ เพราะเปลืองตัง 5555 ของกนิดนึง รู้สึกว่าคันละ 600 นะ (พอดีถ่ายรูปช่วงนี้มาน้อยหน่อยเลยไม่มีรูปบอกตำแหน่งเลย T T)
หลังจากพวกเรายืนคุยตกลงกันว่า เราจะไม่เหมารถไปนะ เดี๋ยวเดินไปเรื่อยๆ หารถโบกเอาข้างหน้าละกัน ก็ตกลงตามนั้น ระหว่างทางที่เดินไป เราก็บอกเห็นภูเขาทุ่งนารอบๆ โคตรฟินเลย อากาศดีๆ ฝนตกนิดๆ เดินได้เรื่อยๆ เลย 
แวะทานข้าวเติมพลังกันสักแปป ก่อนออกเดินต่อ ข้าวกับกับข้าว 2 อย่าง ก็จานละ 40 บาทครับ
เดินมาได้สักพัก เราก็โบกรถไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีรถคันนี้จอดรับเราไปด้วย โบกรถมันไม่ยากอย่างที่คิดนะครับ มันอยู่ที่ความอดทน การพูดการจา มือไม้อ่อนเข้าไว้ครับ คนไทยเราใจดีอยู่แล้ว ^ ^ พอโบกจอดปุป ก็ถามว่า ลุงจะไปไหนหรอครับ แล้วถามว่าผ่านทางที่เราจะไปไหม ก็โอเคผ่าน เลยบอกว่าจะไปส่งที่วัดถ้ำเชียงดาวข้างล่างก่อนขึ้นเขา แล้วค่อยไปหารถต่อเอาเองนะ อ่าๆ โอเครครับ ได้ครับลุง (เราควรมีข้อมูลเรื่องเส้นทางไว้บ้างนะครับ พอเวลาโบกรถ จะได้รู้ว่าจะไปไหนไรยังไง )
Google Maps ก็เป็นเข็มทิศในการเดินทางที่ดีเช่นกันนะครับ เยี่ยม
ต้องบอกว่าเป็นความโชคดีของพวกเราจริงๆ ที่เจอป้าร้านขายของแล้วได้พูดคุยกันเสร็จ ก็เดินออกไปจะขึ้นเขาปกติ แต่เดินไปได้สักพัก ก็มีรถมาจอดถามเรา ว่าจะไปดอยเชียงดาวหรอ ป้าแกบอกมา พี่จะกลับบ้านพอดี ขอบคุณสวรรค์ (ต้องบอกเลยว่า ใจดีมากๆ จะเล่าต่อก็กลัวยาว เอาเป็นว่า ใจดีมากๆๆๆ ละกันเนาะ ) 
ก่อนทางขึ้นเขาเชียงดาวก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางอุทยานก่อน คนละ20 บาทนะครับ
ระหว่างทางขึ้นเขาก็ทำความรู้จักกับพี่เจ้าหน้าที่ แกชื่อพี่ชัย แกบอกไม่ต้องห่วงไม่มีที่นอน เดี๋ยวพี่จัดการให้ ผมนี่แทบกราบกันเลย ดีใจสุดๆ
นั่งรถไปสักพัก ต้องบอกเลยว่าทางโหดพอสมควร ขึ้นยากมาก ทางเล็ก ฝนตกถนนเละอีก มอไซด์นี่ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่ ผมไม่แนะนำให้เช่าขึ้นไปเลยครับ เพราะทางยากจริงๆ พอลงจากรถ ตาเรานี่เบิกแทบถล่น สวยมาก ฟ้าเปิดพอดี ทำให้เห็นหมอกฝนจางๆ ตัดผ่านภูเขา โอ้ย ถ่ายรูปเก่งแค่ไหน ก็ไม่เท่าตาเห็นหรอกครับ จิงๆ
หลังจากนั้นพวกเราก็ถ่ายรูป ยืนเสพย์อากาศ จนลืมไปว่า อ้าวเห้ย เรายังไม่มีที่นอนเลย พี่ชัย พี่ชัย หายไปไหน ตายๆ นอนไหนวะเนี่ยยย !!!
สักพัก ที่เราเดินถ่ายรูปกันอยู่ พี่ชัย ก็เดินกลับมาบอก แล้วพูดกับเราว่า ปะ ไปนอนรีสอร์ทพี่ แต่แกยังสร้างไม่เสร็จนะ ผมบอกไม่เสร็จไม่เปนไรครับ นอนได้หมด ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว รีสอร์ทนี่พี่ชัยทำร่วมกันกับ พี่พงษ์ ชื่อว่ารีสอร์ทสายหมอก กำลังจะเปิดให้บริการ วันที่ 1 ตุลาคม 2558 นี้ครับ อยู่ติดๆ กับบ้านระเบียงดาว ต้องบอกเลยว่าสวยไม่แพ้กันสักนิดเลย 
วิวบริเวณบ้านสายหมอกครับ พี่พงษ์เจ้าของบอกว่า ตอนหน้าหนาวระเบียงตรงนี้ หมอกจะเยอะมากอยู่ใต้เท้าเราพอดี เหมือนยืนอยู่บนหมอกเลย พูดขนาดนี้อยากจะกลับไปอีกรอบจริงๆ ตอนหน้าหนาว
บริเวณรอบๆ รีสอร์ท ไม่อยากจะลงรูปเยอะ อยากให้ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ 
ได้ที่พัก แล้วเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ สักแปปก็มีน้ำขาวมาให้เรากิน โอ่โห้ สุดๆ เลย ใครไปอย่าลืมซื้อกินนะครับ ที่ร้านค้าหน้าปากทางมีขาย บอกมาซื้อ ดาวลอย แค่นั้น จบ 5555
ให้ที่พักแล้ว พี่ๆ ยังใจดีหุงข้าวมาให้เรากินอีก มันคือการเที่ยวที่มีความสุขมาก แม้จะลำบากในการมานิดหน่อย แต่เห็นอย่างนี้มันหายเหนื่อยครับ
สวัสดีเช้าที่สดใสครับ วันนี้ตอนเช้ามืดฝนตก เลยทำให้อดดูหมอกเลย แต่ก็อากาศดีมากๆ อีกวันนึงเลยครับ อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกเป็นเดือนเลย แต่เราต้องไปต่อเพราะเรามีเป้าหมายอีกที่ คือหมู่บ้านแม่กำปอง
ก่อนเราเตรียมตัวจะลงกลับไปในเมืองเพื่อไปต่อแม่กำปอง เราเห็ยพี่พงษ์กะลังปูหญ้าอยู่ เราเลยลงไปช่วยกันปู ทำให้พี่เขาแค่นี้ยังไม่เทียบกับน้ำใจที่พี่เขามีให้พวกเราเลยครับ เป็นการปูหญ้าท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ถ้าใครได้ไปเที่ยวบ้านสายหมอก ละเห็นหญ้าพวกนี้ ถ่ายรูปมาอวดกันบ้างนะครับ 55555
หลังจากปูหญ้าเสร็จ อะไรเสร็จ ไหว้ขอบคุณพี่พงษ์เป็นการใหญ่เสร็จเรียบร้อย เราก็โทร.หาพี่ชัย เพราะเมื่อวานพี่ชัยบอกว่าจะมารับพารับกลับไปส่งข้างล่างอีก อะไรจะใจดีขนาดนั้น
ระหว่างรอพี่ชัยมารับ ไปนั่งรอที่ร้านค้า ชาวบ้าน นั่งกินเหล้าดอยกันอยู่ เลยชวนเราจัดต่ออีก โอ้ย จะไม่กินก็จะดูเป็นการเสียน้ำใจ 5555 ขาอ่อนแทบจะลงเขาไม่ได้กันทีเดียว
หลงรักที่นี่มากๆครับ ไม่ใช่แค่เพียงอากาศดีวิวดีอย่างเดียว น้ำใจของคนที่นี้ จัดว่าดีกว่าอากาศหรือวิว อีกครับ เป็นความประทับใจที่พวกผมจะไม่มีวันลืมกันเลยครับ พวกพี่ๆ ดูแลพวกเราเหมือนญาติเหมือนเรารู้จักกันมานาน ขอบคุณกี่สิบครั้งก็คงไม่เพียงพอครับ อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองครับ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ขอฝากบ้านสายหมอก รีสอร์ทของพี่พงษ์กับพี่ชัย ที่กำลังจะเปิดใหม่ด้วยนะครับ 

เบอร์ติดต่อ พี่ชัย สามารถโทรถามเรื่องที่พักได้ครับ 080-6739269 รีสอร์ทอยู่ทางเข้าทางเดียวกับบ้านระเบียงดาวเลยครับ 

ค่าใช้จ่ายวันแรกค่าอาบน้ำ 15 บาท
ทำบุญใส่บาตรกับข้าวชุดละ 15 บาท
ข้าวเช้า 30 บาท
ค่ารถแดง2รอบ 50 บาท
ค่ารถเชียงดาว 40บาท
ซาลาเปา 15 บาท
ค่าของกินเตรียมขึ้นเขา 70 บาท

วันแรกรวม 190บาท

ขอบคุณภาพและเรื่องราวโดย คุณ เสบียงบุญ สมาชิกพันทิปดอทคอม

เรียบเรียงโดย Pankster
 






Information

OPEN

- ไม่พบข้อมูล

TEL

- ไม่พบข้อมูล

PRICE

- ไม่พบข้อมูล

ADDRESS

- ไม่พบข้อมูล

FACILITIES

- ไม่พบข้อมูล

CONTACT

- ไม่พบข้อมูล

SHARE

share

#hashtag

RELATED