เที่ยวญี่ปุ่นสูดอากาศหนาวคราวนี้หลบหิมะไปที่คิวชู ดูวิถีคนชานเมืองตอนเหนือ เพราะเบื่อแล้วเมืองหลวงโตเกียว เลยมาลองเที่ยวที่ใหม่ๆ ที่น้อยคนนักจะเคยมา แต่ใครจะคิดว่าเห็นเป็นแถบชานเมืองแบบนี้มีครบนะจ๊ะ ทั้งปลาดิบ สาเก ทะเล ซากุระ ชาเขียว ราเม็ง จัดให้เหมาะเก็บให้หมด ภายในเวลา 5 วัน กับการเที่ยว 4 เมือง 2 จังหวัด สัมผัสเสน่ห์แบบจัดเต็ม จนอยากกลับไปซ้ำ มีที่ไหนกันบ้างรีบไปมุงกันเถอะ
Yutoku Inari Jinja
ศาลเจ้ายูโทคุอินาริสีแดงสด ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสวนสีเขียว ด้านหน้าเป็นธารน้ำตกสวยงามสุดๆ
ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น ก่อนเข้าศาลเจ้าผู้คนจะนิยมชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนที่จะเข้าไปในศาลเจ้าหรือวัด โดยมีธรรมเนียมปฏิบัติตามนี้คือ ตักน้ำโดยกระบอกที่วางไว้ - ล้างมือซ้าย ตามด้วยมือขวา - จิบน้ำหรือแปะที่ปาก - หากมีน้ำเหลือให้เทเบาๆ แล้ววางกระบอกไว้ที่เดิม
ที่นี่เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองซากะที่สร้างอยู่บนแท่นยกพื้นที่ต้องขึ้นบันไดไปถึง 117 ขั้น ถ้าขึ้นไปถึงด้านบน เราจะสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองได้เลย ขนาดแม้วันที่ฝนตกยังสวยสุดๆ
ซึ่งภายในยังสามารถเข้าชมความงดงามของภาพวาดฝาผนังและบนเพดาน และล่าสุดมีกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ด้วยการโชว์ศิลปวัฒนธรรม พร้อมการชงชาเขียวอย่างถูกต้องตามขนบที่หาดูได้ยากอีกด้วย
Hizen Hama Juku
โรงเหล้าสาเก อายุกว่า 150 ปี อันนี้บอกเลยอยากหอบกลับมาหลายๆ ขวดแต่ไม่มีปัญญา 555 เพราะที่เมืองคาชิมะจัดได้ว่าเป็นโรงเหล้าขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งขึ้นเรื่องรสแรง และหอมหวาน จนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศ และต่างประเทศว่าเป็นสาเกญี่ปุ่นอันดับหนึ่งของโลก
โดยความพิเศษของที่นี่นอกจากมาแวะชมได้แล้ว ยังสามารถเดินชิมได้ตามต้องการ ชอบขวดไหนก็สอยกลับไปได้เลยรับรองเรื่องรสชาติไม่มีผิดหวังแน่นอน แต่อย่าชิมจนเมาซะก่อนล่ะเดี๋ยวไปทำขวดเขาตกแตกพอดี
Keishuen Park (มีค่าเข้าชม)
สวนเคชูเอน สวนญี่ปุ่นขนานแท้ที่มีพื้นที่ขนาด 10,000 ตารางเมตร โดยจุดเด่นจะอยู่ที่ไร่ชาขนาดย่อมลดหลั่นกันเป็นขั้นบันได พร้อมสะพานโค้งสีแดงสไตล์ญี่ปุ่นมาเก๊กท่าถ่ายรูปได้สวยๆ โดยมีแบลคกราวน์เป็นน้ำตกพลิ้วๆ และมีปลาคาร์ฟตัวอ้วนตันหลากหลายสายพันธุ์แหวกว่ายกันอยู่ตามธรรมชาติ ยิ่งตอนที่เราไปเป็นจังหวะที่ดอกบ๊วยบานพอดีสวยไปอี๊กกก
นอกจากสวนสวยๆ ที่ช่วยให้เดินเล่นไม่มีเบื่อแล้ว ยังมีหอศิลป์โยโคที่จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาญี่ปุ่น และเรือนพักมิฟุเนะฉะยะ ที่มีบริการเครื่องดื่มและชาเขียวต้นตำรับ ให้เรานั่งดื่มด่ำท่ามกลางสวนญี่ปุ่น รู้สึกผ่อนคลายจริงๆ ค่ะ
Camphor tree (ศาลเจ้าทาเคโอะ)
ของต้องมา! สักการะต้นการบูรขนาดใหญ่กว่า 3,000 ปี ที่อยู่ในศาลเจ้าทาเคโอะ ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้
แต่ก่อนที่จะเดินเข้าไปพบกับต้นการบูร ในบริเวณเขตศาลเจ้าทาเคโอะยังมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรากและลำต้นติดกันอยู่สองต้นตระหง่านอยู่ โดยมีผู้มาไหว้ขอพรอย่างไม่ขาดสาย
ส่วนใหญ่จะเดินทางมาขอพรในเรื่องความรัก คู่ครอง ธุรกิจ ค้าขายกันมากมาย เพราะเชื่อกันว่าหากนำกระดิ่งมาผูกที่บริเวณเชือกที่คล้องระหว่างต้นไม้ทั้งสองต้นแล้ว จะยิ่งทำให้มีโอกาสสมหวังมากยิ่งขึ้น เลยมีผู้คนมาคล้องกระดิ่งมากมายอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ
ป่าต้นบ๊วย Mifunegaoka
ออกจากศาลเจ้าทาเคโอะ เลี้ยวขวาเดินมาไม่ไกลน่าจะประมาณ 300 เมตรได้ มีดงต้นบ๊วยที่ขึ้นเองตามธรรมชาติแบบหนาแน่น คุ้มค่าแก่การเดินมาเพราะสวยมากๆ มีสีชมพู และสีขาว เอาจริงๆ แล้วดอกบ๊วยกับดอกซากุระนี่สวยพอๆ กันเลยนะ
Takeo Onsen Gate
บ่อน้ำพุร้อนชื่อดังในญี่ปุ่นที่มีประวัติมากว่า 1,300 ปี เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ขึ้นชื่อในด้านทำให้ผิวสวย ช่วยทำให้คลายความเหนื่อยเมื่อยล้า แต่ที่เรามากลับไม่ได้มาแช่น้ำพุร้อนแต่อย่างใด เพราะเป้าหมายคือมาชมร่องรอยแห่งอดีตกาล ก็คือ ซุ้มประตูที่ไม่ใช้ตะปูสร้างสักดอกเดียว
ซึ่งรู้หมือไร่ ว่าคนที่สร้างซุ้มประตูนี้คือสถาปนิกคนเดียวกับที่สร้างหอคอยเมืองโตเกียว ทาสึโอะ คินโงะ และประตูสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นนี้ ถูกสร้างมาจากอิฐสีแดงตั้งแต่สมัยไทโชปีที่ 3 เลยล่ะ
ซึ่งเราได้มีโอกาสเดินเข้าไปดูบ่อออนเซ็นโบราณที่จัดว่ามีความลึกที่สุด แต่เขาไม่ได้เปิดใช้งานแล้วค่ะ เขาอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังๆ อย่างเราไว้ชมเพื่อรำลึกถึงเท่านั้นค่ะ
Spinning-Top Workshop
ทำลูกข่างโบราณ หรือโกะมะ กิจกรรมนี้เราชอบมากถึงมากที่สุด เป็นการเพ้นท์ลูกข่างไม้โบราณของญี่ปุ่นที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ ภายใต้การสอนอย่างใกล้ชิดโดยเซนเซ่ ได้เรียนรู้ทั้งวิธีการเพ้นท์ การเล่น แถมได้กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมนี้หากใครอยากลองเพ้นท์จะมีค่าใช้จ่ายนะคะ
Pearl Sea Cruise (มีค่าเข้าชม)
ซาเซโบ คือเมืองท่าที่อยู่ติดทะเล ถ้าไม่ล่องเรือมันก็จะดูยังไงๆ แต่การล่องเรือครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่เราสามารถดูหมู่เกาะคูจูคุชิมะมากกว่า 200 เกาะได้ในครั้งเดียว ต้องยอมรับจริงๆ ว่าวิวทิวทัศน์อาจสู้ทะเลเมืองไทยไม่ได้ แต่การได้มาล่องเรือแล้วเห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่เป็นร้อยๆ ท่ามกลางอากาศหนาวสุดๆ มันตื่นตาตื่นใจดีจริงๆ ค่ะ
Kirara Aquarium (มีค่าเข้าชม)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอูมิคิระระ พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมสัตว์น้ำนานาชนิดจากหมู่เกาะคุจูคุชิมะ ซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ในบริเวณเพิร์ลซี รีสอร์ท ที่เราขึ้นเรือไปชมหมู่เกาะนี่เองล่ะ
ที่นี่มีกิจกรรมชมสัตว์น้ำ แกะหอยมุก และเป็นแหล่งรวบรวมและเพาะพันธุ์แมงกระพรุนพันธุ์หายากมากกว่า 100 ชนิด (มากที่สุดในญี่ปุ่น) ซึ่งบางพันธุ์ทำเอาเราอึ้งไปเลยเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งสวยงาม พิษร้ายกาจ บางพันธุ์มันล่องหนได้ด้วยแว๊ นึกๆ ไปความสวยนี่มันก็น่าจัววววนะ
ส่วนไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือ โชว์ปลาโลมาแสนรู้ ค่ะเช็กรอบกันดีๆ นะคะ จะได้ไม่เสียเที่ยวมาสัมผัสความน่ารักของเจ้าโลมาซูเปอร์ไอดอลของเรา
Huis Ten Bosch (มีค่าเข้าชม)
จัดว่าเด็ดจริงๆ ริงมายเบล เฮาส์เทนบอช สวนสนุกและธีมพาร์ค ที่จำลองบ้านเมืองตามแบบยุคกลางของยุโรป โดยสร้างตามธีมบ้านของป่าในภาษาฮอลล์แลนด์ โดยจำลองรูปร่างของพระราชวังดัชช์ และมีดอมโทเรน หอสัญลักษณ์ที่มีความสูง 105 เมตร ที่สามารถวิวทิวทัศน์ทั้งหมดของเฮาส์เทนบอชได้
ส่วนไฮไลต์เด็ดอยู่ที่สวนดอกไม้ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล อย่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน จะเป็นเทศกาลดอกทิวลิป และการแสดงแสงไฟมากที่สุดในโลก ที่มีถึง 13 ล้านดวง
Chofu Castle Town
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่นี่เคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ณ ปัจจุบันถูกอนุรักษ์ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด
อาทิ บ้านพักซามูไร, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองชิโมโนเซกิ, วัด Kosan-ji, ศาลเจ้า Nogi-jinja ฯลฯ
นับเป็นสถานที่ที่เดินเล่นชมนกชมไม้ รับประทานอาหารขึ้นชื่อ คาวาระโซบะ-การย่างผัก และเนื้อบนกระเบื้องร้อนๆ กับเส้นโซบะที่ทำจากใบชา ปลาปักเป้า หรือซื้อของฝากพื้นถิ่น เดินกินไอศกรีมได้เพลินๆ ค่ะ
Karato Fish Market
ตลาดสด ตลาดพื้นบ้านของเมืองชิโมโนเซกิ ที่ทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ จะมีร้านซูซิเปิดเรียงรายกันเต็มไปหมด ซึ่งที่นี่เราชอบมากกก และเพิ่งรู้ว่าเราสามารถกินปลาดิบได้ 555 เพราะของเขาสดจริง ราคาไม่แรง ไม่มีกลิ่นคาว เนื้อสดแน่นแต่ละลายในปากกันไปเลย
แถมมีซูชิมีให้เลือกหลากหน้าสุดๆ ชอบชิ้นไหนก็หยิบไปจ่ายตังทีเดียว จับตรงนั้น แล่ตรงนั้น กินตรงนั้น อย่างฟินอ่ะพูดเลย
Chofu teien (มีค่าเข้าชม)
ปราสาทเก่าแก่ที่อยู่ทางใต้ของเมืองชิโมโนเซกิ ที่คงเอกลักษณ์ความเป็นสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมขนาดแท้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมความงดงาม พร้อมแปลงกายเป็นสาวญี่ปุ่นด้วยการสวมชุดกิโมโน เดินชมสวนได้แบบเนียนๆ
Kaikyokan Aquarium (มีค่าเข้าชม)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคเคียวคัง สถานที่ดูนกเพนกวินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมชมโชว์ปลาโลมาและปลาวาฬเพชรฆาตได้อย่างใกล้ชิด และความน่ารักของปลาปักเป้าจากทั่วโลกกว่า 100 สายพันธุ์
บอกเลยว่าที่นี่เราประทับใจความเป็นอุโมงค์น้ำ และนกเพนกวินมากๆ เพราะนางน่ารักสู้กล้องทุกตัว 555
Shiranoe Garden (มีค่าเข้าชม)
สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ณ สวนแห่งนี้สามารถชมควมงามของธรรมชาติได้ทั้ง 4 ฤดู สมกับประโยคที่ว่า You can enjoy flowers and blossoms througout the year
เพราะเจ้าของที่นี่เป็นผู้ที่หลงไหลดอกไม้มากๆ และตั้งใจให้สวนนี้มีดอกไม้เบ่งบานทุกฤดู ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะมาฤดูไหนก็จะได้สัมผัสความความงดงามของดอกไม้ประจำฤดูนั้น อย่างช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ดอกซากุระ ดอกโบตั๋น และดอกบ๊วย เริ่มผลิบานก็จะฟินๆ ประมาณนี้
และต้นซากุระเก่าแก่ของเมืองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกันค่ะ ตอนที่เราไปเห็นถึงกับตะลึงเพราะต้นใหญ่เบ้อเร่อ และกำลังบานสะพรั่งเชียวค่ะ
Museum of Natural History & Human History (มีค่าเข้าชม)
พิพิธภัณฑ์สัตว์ดึกดำบรรพ์สุดอลังการ และการจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นตั้งครั้งอดีตกาล ที่นับว่าน่าสนใจไม่น้อย เราว่าถ้าครอบครัวไหนมีเวลาและมีสตางค์พอที่จะพาน้องๆ หนูๆ ไปเที่ยวได้ ที่นี่เรา Recommend นะคะ ดีงามมากๆ ค่ะ
Kokura Castle
ปราสาทโคคุระ ปราสาทคู่บ้านคู่เมืองคิตะคิวชู ตั้งอยู่ข้างห้างสรรพสินค้า River Walk หลังจากช้อปปิ้งเสร็จใครที่ยังไม่หมดแรงควรเดินมาดูปราสาทท่ามกลางแสงไฟให้ได้ เพราะนอกจากความสวยงามยังรู้สึกได้ถึงมนต์ขลังอย่างประหลาด
ปราสาทโคคุระ มีทั้งหมด 5 ชั้น โดยตัวปราสาทชั้น 5 มีขนาดใหญ่กว่าชั้น 4 ซึ่งเป็นการออกแบบที่แปลก และมีเพียงหนึ่งเดียวในญี่ปุ่นค่ะ
ร้านเกี๊ยวซ่า Tetsunabe
เกี๊ยวซ่าบนกระทะร้อนชื่อดังของเมืองคิตะคิวชูอาหารเย็นของเราวันนี้ ซึ่งร้านนี้ถือเป็นต้นกำเนิดของการเสิร์ฟเกี๊ยวซ่าบนกระทะร้อน เพราะเชฟมีความคิดอยากให้ลูกค้าทานเกี๊ยวซ่าที่ร้อนๆ แม้ว่าจะมาเสิร์ฟนานแล้วก็ตาม จึงเป็นที่มาของความอร่อยจนกลายเป็นตำนานนี่เองงง
คิวชูทริปนี้ เราคัดเด็ดๆ มาให้แล้วจัดว่าเป็นไฮไลต์ที่ควรค่าแก่การไปเยือน และตามรอยได้เท่าที่เวลามี เดี๋ยวนี้ไปญี่ปุ่นไม่แพงแล้วค่ะ ทั้งทัวร์ไฟไหม้ โปรตั๋วถูก จองกันเป็นว่าเล่นจ้องกันให้ดีอย่าให้พลาดโอกาสชีวิต แต่ถ้าไม่อยากรอก็ Book ตั๋วด่วนๆ เลยจ้า หน้านี้ซากุระมาแว้ววว