3 วัน 2 คืน เที่ยวกาญจนบุรี - ราชบุรี สัมผัสวิถีเมืองอาร์ตสไตล์!

เที่ยวกาญจนบุรี - ราชบุรี สัมผัสวิถีเมืองอาร์ต เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะยังคิดภาพไม่ออก แต่ถ้าบอกว่าไปดูหนังใหญ่ แต่งชุดไทย เพ้นท์โอ่ง ทำผ้ามัดย้อม แต่งตัวตุ๊กตาหมี ชมสตรีทอาร์ต ฯลฯ อู้หูววว ภาพแห่งความสนุก ความฮิป ความอาร์ตเริ่มลอยมาแต่ไกลๆ แล้วใช่มั๊ยล๊า ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ใย เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วไปตะลุยกัน

DAY 1 ย้อนยุคแต่งชุดไทย /ตะลุย Soft Adventure /นุ่งผ้าถุงพอกโคลน แช่น้ำแร่

เริ่มต้นทริปนี้กันที่ เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 จ. กาญจนบุรี ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ จากกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิต เมื่อย่างก้าวเข้ามาจะรู้สึกราวกับว่าเดินทางข้ามไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปกว่า 100 ปี อยู่ช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) หลังจากมีประกาศเลิกทาส
บริเวณด้านหน้าประตู มีบริการรถลากหรือที่เราเรียกติดปากกันว่ารถเจ๊ก สำหรับนั่งพาชมบริเวณรอบๆ เมือง ค่าบริการ 50 บาท ต่อเที่ยว
ลำพังแค่เดินเล่นถ่ายรูปอาจจะยังดูธรรมดาเกินไป ที่นี่เค้ามี ‘ห้องเช่าชุด’ แต่งกายชุดไทยสำหรับหญิง ชาย และเด็ก อาทิ โจงกระเบน ผ้าแถบสไบ เสื้อแขนหมูแฮม ร่ม เป็นต้น เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเที่ยวชมวิถีไทย ท่ามกลางบรรยากาศย้อนยุคของชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และพนักงานที่พูดจาลงท้ายแบบชาวบ้านสมัยก่อนว่า “ขอรับ” “เจ้าค่ะ” 
ราคาเช่าเชุดแต่งกายชุดไทย
ผู้ใหญ่ 100-300 บาท , เด็ก 50 บาท
เครื่องประดับ 100 บาท
ร่ม 50 บาท

บริเวณขวามือฝั่งด้านหน้าประตูจะมีโซนใหม่ที่ชื่อว่า ห้องเล่าเรื่อง เป็นเหมือน้ำจิ้มก่อนไปชมบรรยากาศของจริง ภายในห้องนี้จะมีการจำลองพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ไปจนถึงวิถีชีวิต เครื่องแต่งกายแบ่งตามชนชั้น ส่วนภาพที่ติดฝาผนังเป็นภาพจริงที่นำมาจากหอจดหมายเหตุ 
โดยห้องเล่าเรื่องนี้จะเชื่อมกับร้านกาแฟ สวัสดี by มัลลิกา ที่ให้บริการทั้งเครื่องดื่มและขนมไทย ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งย้อนยุคสวยงาม
หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อย เราก็ไปเดินอวดโฉมเที่ยวชมภายใน เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับ สะพานหัน ชื่อนี้เรียกตามจากลักษณะของตัวสะพานในอดีต เป็นสะพานไม้โค้งกว้างสองฟากสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน มีลูกพลับแห้ง และผลไม้แห้งต่างๆ นานาชนิด
จากนั้นเราจะพบกับย่านการค้า ร.ศ. 124 ที่มี่ทั้งอาหารคาว-หวาน ของทานเล่น รวมถึงขนมโบราณ และสินค้าทันสมัยอื่นๆ ซึ่งไม่สามารถใช้เงินปัจจุบันได้นะค๊า ต้องไปแลกเงินเป็นสตางค์รูคืนเสียก่อน ถึงจะนำมาจับจ่ายใช้สอยได้
มาต่อด้วยเครื่องดื่มดับกระหายที่มีลักษณะเป็น เรือนแพ ซึ่งด้านในมี ตงฮู เป็นร้านชา กาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งในสมัยก่อนร้านนี้เป็นร้านที่ทันสมัยมากในยุคนั้น เพราะมีการนำเข้าเมล็ดกาแฟสดจากต่างประเทศเข้ามานั่นเอง
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเรือนไทยต่างๆ ที่สวยงาม อาทิ เรือนคหบดี เป็นเรือนคนมีฐานะ ซึ่งบนเรือนจะมีการจำลองวิถีความเป็นอยู่ของชนชั้นปกครองซึ่งจะมีกิจกรรมบนเรือน เช่น งานดอกไม้ งานเครื่องแขวน ฯลฯ 
เรือนหมู่ เป็นเรือนสำหรับรับแขกบ้านแขกเมือง ของคหบดีไทยซึ่งอาจจะเป็น ขุนนาง ผู้ทรงศักดิ์ หรือคหบดีผู้มั่งคั่ง ที่มีความสวยงามมาก
โรงครัว ที่ประกอบด้วย โรงสีข้าว ยุ้งข้าว โรงครัวเตรียม แสดงกรรมวิธีการฝัดข้าว สีข้าว ตำข้าว พร้อมทั้งการหุงข้าวเตากระทะใบบัว ที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีตได้แบบชัดเจน และสัมผัสได้อย่างแท้จริง
ราคาค่าเข้าชม 
ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 250 บาท / เด็กและผู้สูงอายุ 120 บาท
ค่าเข้า + อาหารเย็น พร้อมชมโชว์การแสดง 700 บาท / เด็กและผู้สูงอายุ 350 บาท

เวลาเปิด-ปิด
เวลาการขายบัตรเข้าชมเมือง 09.00 - 17.30 น.
เวลาเปิด-ปิดเมือง 09.00 – 19.00 น.
เวลาอาหารเย็นและการแสดง 18.00 – 20.00 น.

ที่ตั้ง : 168 ม. 5 ต. สิงห์ อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี (อยู่ตรงทางเข้าประสาทเมืองสิงห์ ติดกับปั๊มบางจาก ห่างจากตัวเมืองกาญ 32 กิโลเมตร)
Google Maps : https://goo.gl/f2hNPZ

จากนั้นเราก็เช็คอินเข้าที่พัก River Kwai Village เป็นโรงแรมตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควน้อย ท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาอันแสนร่มรื่น ซึงห้องที่เราพักนั้นสามารถมองเห็นวิวภูเขาและแม่น้ำทอดยาวสวยงามสุดสายตา ซึ่งช่วงที่ไปเป็นหน้าฝนพอดี จึงได้เห็นหมอกยามเช้าที่ทำเอาพีคสุดกับจุดนี้ แถมยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งให้เล่นด้วย
แน่นอนว่าใครที่มาโรงแรมแห่งนี้ ต้องห้ามพลาดการแช่บ่อน้ำพุร้อนสมุนไพร+สปาปลา ที่มีถึง 15 บ่อ ซึ่งจะช่วยบำบัดความเสื่อมของผิว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ขับสารพิษและสารตกค้างออกจากร่างกาย พร้อมทั้งพอกหน้าภูโคลนที่ส่งตรงมาจากแม่ฮ่องสอน ท่ามกลางธรรมชาติ สายน้ำ และขุนเขา ซึ่งจุดนี้ต้องนั่งเรือข้ามฝั่งไปแต่แค่ไม่กี่นาทีก็ถึงละ 
กิจกรรมสายชิลล์ไปแล้ว ก็มาที่กิจกรรมสายลุยซึ่งเค้ามีทั้ง ขับรถ ATV , ล่องแพ , สะพานเชือก + ปั่นจักรยานบนอากาศ ฯลฯ เหมาะมากกับการมาเป็นก๊วนหมู่คณะ รับรองเลยว่าสนุกสุดๆ
ที่ตั้ง : 74/12 ม.4 บ้านพุตะเคียน ถ.กาญจนบุรี-โทรโยค ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 71150
โทรศัพท์ : 0899184562-3
Google Maps : https://goo.gl/heTv0F

DAY 2 ชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น /ตื่นตาศิลปะหนังใหญ่ /DIY ตุ๊กตาหมี /หยุดพัก ณ เวลา

เปลี่ยนบรรยากาศจากกาญจนบุรี มาต่อกันที่ราชบุรีกันบ้าง ระยะเวลาการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงที่แรกในวันนี้ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ชุมชนสระโกสินารายณ์ เป็นศูนย์การเรียนรู้ ห้องสมุดสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษา และแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อปี 2557 (เข้าชมฟรี)
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองโกสินารายณ์ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ของตำบลท่าผา อีกทั้งยังบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ขุดค้นพบจากโบราณสถาน โดยจำลองเป็นรูปปั้นเพื่อให้เห็นภาพเสมือนจริง
สระน้ำโกสินารายณ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีเรื่องเล่าตำนานต่างๆ อย่างเช่น เรื่องปลาตะเพียนยักษ์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ นั่งให้อาหารปลา เพราะบรรยากาศร่มรื่นโอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ จนกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของคนบ้านโป่ง
วัน เวลาเปิด/ปิด : วันพุธ-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. (หยุดวันจันทร์-อังคาร)
สอบถามรายละเอียดได้ที่เทศบาลเมืองท่าผา : 032302117 ต่อ 334
ที่ตั้ง : ม. 19 ต. ท่าผา อ. บ้านโป่ง จ. ราชบุรี
Google Maps : https://goo.gl/IUEuis

แวะพักเติมพลังที่ ร้านอาหารดงยาง ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าแต่ละเมนูเค้าเด็ดจริงจนถูกบอกต่อแบบปากต่อปาก 
เมนูที่เราลิ้มลองนั้นก็มี ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน กุ้งแม่น้ำผัดบวบ ปลากุเลาทอดแดดเดียว ต้มยำปลา แล้วตบท้ายด้วยไอติมกะทิหน้าลูกลาน ซึ่งในส่วนของราคาก็แอบแรงอยู่พอสมควร แต่เมื่อเที่ยบกับรสชาติและคุณภาพแล้วก็ถือว่าผ่าน
วัน เวลาเปิด/ปิด : 11.00-20.00 น.
ที่ตั้ง : 51/3 ต.สวนกล้วย อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี 
โทรศัพท์ : 0812693079

จากนั้นก็มาต่อกันที่ ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชหนังใหญ่วัดขนอน ตั้งอยู่ใน อ.โพธาราม เป็นวัดที่มีการสืบทอดและอนุรักษ์ 'หนังใหญ่' ศิลปะชั้นสูงทรงคุณค่าหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะการออกแบบลวดลายไทย ศิลปะทางด้านนาฏศิลป์ อีกทั้งเป็น 1 ใน 6 ที่ยังคงมีการสืบทอดอย่างสมบูรณ์ และได้รับรางวัลการขึ้นทะเบียนทางยูเนสโก ด้านชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเชิงนามธรรม
บริเวณด้านหลังเป็น พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน ลักษณะเป็นเรือนไม้ทรงไทย ภายในจัดแสดงนิทรรศการหนังใหญ่ ประวัติความเป็นมาของหนังใหญ่และกรรมวิธีการแกะสลักตัวหนังใหญ่ มีตัวหนังจำนวน 313 ตัวที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ แบ่งเป็นชุดหนุมานถวายแหวน ชุดสหัสสกุมาร และเผากรุงลงกา
วัน เวลาเปิด/ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-17.30 น. (เปิดการแสดงหนังใหญ่ ณ โรงละครหนังใหญ่ วันเสาร์ เวลา 10.00 น.)
ที่ตั้ง : ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120
โทรศัพท์ : 089-5554195 , 032234834
Google Maps : https://goo.gl/jdfWBW

จากวัดขนอนขับรถออกมาเพียงประมาณ 300 เมตร ก็พบกับร้านอาหาร เพลินดี ที่มองแล้วเป็นต้องสะดุดตากับรูปปั้นลิงสูงเท่าๆ คนยืนสวัสดีให้การต้อนรับบริเวณด้านหน้าร้าน 
ภายในร้านแบ่งเป็น 3 โซน คือ โซนห้องแอร์บริการอาหารไทย-จีน โซนบุฟฟ่ต์ปิ้งย่าง และโซนร้านกาแฟ
วัน เวลาเปิด/ปิด : เปิดทุกวัน
– โซนห้องอาหารไทย-จีน 10.00 - 22.00 น.
– โซนบุฟเฟ่ปิ้งย่าง 15.00 - 22.00 น.
– ร้านกาแฟ 8.00 – 19.30 น.

ที่ตั้ง : 66/1 ม. 3 ต. สร้อยฟ้า อ. โพธาราม จ. ราชบุรี
โทรศัพท์ : 0816160245
Google Maps : https://goo.gl/zVdgT1

อิ่มปุ๊บก็เดินทางมาต่อกันที่ สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา บรรยากาศรายล้อมไปด้วยตุ๊กตาน่ารักน่ากอดนับพันที่ตกแต่งออกมาตามจินตนาการกว่า 15 โซน เมื่อเดินเข้าไปจะมีเพลงเปิดเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม ซึ่งใครฟังแล้วเป็นต้องติดหูและร้องตาม 555
ใครอยากทำตุ๊กตาด้วยตนเอง เค้าก็มีให้บริการพร้อมอุปกรณ์ให้เลือกแต่งแต้มแบบจุใจ ในราคาที่กำลังน่ารักเริ่มต้นที่หลักสิบ!
ราคาค่าเข้าชม
หมู่บ้านเมืองตุ๊กตาหมี ผู้ใหญ่ 80 บาท / เด็ก 40 บาท
โลกนิทานยามราตรี ผู้ใหญ่ 150 บาท / เด็ก 100 บาท

วัน เวลาเปิด/ปิด : 09.00 น. – 17.00 น.
ที่ตั้ง : 159 ม.1 ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 
โทรศัพท์ : 0820242888 , 0820217888
Google Maps : https://goo.gl/DdgCAu

ปิดท้ายความสนุกของวัน ด้วยการพักผ่อนเช็คอินที่พักบรรยากาศวิวทุ่งนา ณ เวลา โรงแรมสุดคลาสสิคที่ออกแบบและตกแต่งสไตล์ไทยร่วมสมัยให้เป็นมิตรกับธรรรมชาติ ประดับประดาด้วยด้วยกี่ทอผ้าบรรยากาศกาศแบบไทยๆ มี 46 ห้อง 3 แบบ คือ แบบวิวทุ่งนา ภูกเขา และสระว่ายน้ำสวนสวย
ซึ่งห้องที่เราเข้าพักเปิดม่านมาจะเป็นวิวตรงกลางสระว่ายน้ำเห็นสวนสวยพอดีเป๊ะ ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นผสมผสาน ศิลปะท้องถิ่น แถมมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน 
ที่ตั้ง : 9/9 ม. 5 ต. ดอนตะโก อ. เมือง จ. ราชบุรี 70000
โทรศัพท์ : 032206599 , 032206899
Google Maps : https://goo.gl/RxnjmZ

DAY 3 เพ้นท์โอ่ง /ทำผ้ามัดย้อม /ชมงานศิลปะสตรีทอาร์ต

มาเที่ยวราชบุรี ถ้าไม่มาดูโอ่งคงเหมือนยังมาไม่ถึง เถ้าฮงไถ่ เป็นโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่เก่าแก่คู่เมืองราชบุรี เมื่อมาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความเป็นศิลปะสร้างสรรค์ตั้งแต่ทางเข้าที่ประดับประดาไปด้วยโอ่ง กระถางหลากสีสัน สลับกับพื้นลวดลายสดใสที่หลุดออกไปจากกรอบเดิมๆ แต่สามารถใช้งานได้จริง
ร้านกาแฟเถ้าฮงไถ่ รูปทรงเก๋ไก๋ไว้ให้การต้อนรับ สำหรับพักผ่อนนั่งจิบชา กาแฟ เครื่องดื่ม แบบชิลล์ๆ 
นอกจากนี้ภายใน เถ้าฮงไถ่ บริเวณด้านหน้ายังมี ศูนย์บันดาลไทย ที่เลือกใช้วัสดุที่คุ้นเคยและเป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นมาออกแบบ โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีที่มา จาก หนังใหญ่วัดขนอน งานหล่อทองเหลือง งานผ้าทอ และงานดินเผา ให้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับพัฒนาผลงาน และสร้างโอกาสให้กับคนที่ต้องการอีกด้วย
ที่ตั้ง : 234/1 ม. 2 ถ. เจดีย์หัก อ. เมืองราชบุรี จ. ราชบุรี 70000
โทรศัพท์ : 032337574 , 032323630วัน 
เวลาเปิด/ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
Google Maps : https://goo.gl/FW7Bkw

เสพศิลป์ ถ่ายรูปฮิปๆ จนเพลิดเพลิน ก็มาที่ต่อไปนั่นก็คือ ไร่ปลูกรัก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเรียนรู้เชิงเกษตร ชมการทำฟาร์มผักออร์แกนิก แปลงผักสลัด และผักชนิดต่างๆ พร้อมกิจกรรมเกษตรอินทรีย์ อย่างเช่น การร่อนไส้เดือน เก็บไข่เป็ดทำไข่เค็ม ปิ้งข้าวจี่ มาร์ชเมลโล่ ข้าวเกรียบว่าว เล่นว่าว เป็นต้น
ราคาค่าเข้าชมและทำกิจกรรม (ติดต่อจองล่วงหน้า) 
ผู้ใหญ่ 750 บาท 
เด็ก 3-12 ปี 450 บาท

วัน เวลาเปิด/ปิด : 9.00 – 17.00 น. 
ที่ตั้ง : 130 ม. 1 ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี
โทรศัพท์ : 0863327365
Google Maps : https://goo.gl/hPFJ8l

ปิดท้ายทริปนี้แบบจบแต่ไม่บริบูรณ์กันที่ BanPong Urban Art Terminal # 1 / 2017 บริเวณพื้นที่ชุมชนอำเภอเมืองบ้านโป่ง โดยวันที่เราไปฝนตก! สักพัก น้ำท่วม!! จึงเก็บภาพบรรยากาศมาได้นิดนึง... ซึ่งศิลปะที่มีตามผังเมืองและอาคาร ต่างๆ ที่เราเห็นนั้นเกิดจากความร่วมมือกันของกลุ่มศิลปิน-นักออกแบบในนาม AT Exchange (Art Terminal Exchange ) จำนวนกว่า 40 ท่าน ที่สร้างสรรค์ภาพออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและผสานเข้ากับรูปร่างอาคารต่างๆ ได้อย่างเข้ากัน จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจังหวัดราชบุรี ถึงได้ชื่อว่าเป็น “ชุมชนคนเมืองอาร์ต”
ที่ตั้ง : อ. เมืองบ้านโป่ง จ. ราชบุรี
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/atexchangeoffice/

และนี่ก็เป็นทริปที่รวบรวมสถานที่เที่ยวต่างๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี - ราชบุรี ซึ่งบางคนที่ไม่มีเวลาอาจจะไปแบบ One Day Trip ก็ได้นะ เพราะสามารถเดินทางไปได้ไม่ยาก จะรถส่วนตัวหรือรถไฟ เลือกได้ตามสะดวก จากนั้นเพียงแค่จัดกระเป๋าเตรียมเงินให้พร้อม แล้วก็ไปเที่ยวกันเล้ย 

ขอขอบคุณ ททท. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย