แบกเป้เดินทาง ลุยพิษณุโลกตามหาพญาเสือโคร่ง ที่ภูลมโล

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนครับ ผมนาย เทนดามะ ทีมงาน EDTguide กลับมาเล่าประสบการณ์อีกครั้ง หลังจากทริปครั้งก่อนผมได้ไปพิชิตเขาช้างเผือก ที่จังหวัดกาญจนบุรีมาแล้ว มาวันนี้ ผมได้แบกเป้เดินทางอีกหน พร้อมกล้องไอโฟนกร่อยๆ 1 ตัว เพราะอากาศแบบนี้มันทำให้ผมอยากไปสัมผัส ลมหนาว ดูดาว ตามยอดดอย ยอดภู ซะเหลือเกินสุดท้ายก็ตกลงจบที่ ภูลมโล ภูเปิดใหม่ที่ได้รับขนานนามว่า ภูสีชมพูแห่งภาคกลางตอนบน ซึ่งที่แห่งนี้ผมจะไปตามหา ดอกพญาเสือโคร่ง ที่บานสะพรั่งจนทำให้ที่ ภูแห่งนี้เป็นสีชมพู เหมือนกับ ซากุระในญี่ปุ่นก็ไม่ปราน ว่าแล้วแพ็คกระเป๋าก่อนล่ะครับ

อยากเจอตัวเป็นๆ พญาเสือโคร่ง!! 

ได้ร่วมทางกับ คุณ นุ บางบ่อ Blogger ท่องเที่ยว ที่ลงหนังสือสุดยอด Blogger เมืองไทย ของ EDT ด้วยนะครับ 

ซึ่งการเดินทาง ผมได้เดินทางไปในวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมาครับ เดินทางจาก กทม.เวลาตี 4 เพื่อจะไปถึงพิษณุโลกในช่วงสายๆ แต่ระหว่างทางในช่วงจังหวัด สิงห์บุรี เราได้แวะกินข้าวเช้ากันที่ร้าน เล็กโภชนา สาขา 2 ซึ่งใหญ่ติดริมถนนสายหลัก ร้านนี้อาหารโอเคเลยครับ ทำให้อิ่มท้องแล้วพร้อมเดินทางต่อได้อีกสบาย ( ผมไม่ได้ถ่ายภาพมาน่าเสียดายยิ่งนัก ขอโทษด้วย ความหิวบังตาจัด T^T )

พวกเราเดินทางถึง พิษณุโลกเวลา 11 โมงเห็นจะได้ ผมก็ได้ไปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารประจำคู่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อมา นมัสการพระพุทธชินราช ซึ่งต้องบอกเลยครับว่า ศิลปะของที่นี่ และองค์พระทำให้พวกผมมีความสุขสงบ พร้อมที่จะขอพรเอาฤกษ์เอาชัยในปีใหม่ 2557 นี้ด้วย มาที่ พิษณุโลก ยังไงก็มาสักการะ พระพุทธชินราช สักหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะเหมือนมาไม่ถึงที่นี่ 

บริเวณภายในวัด

องค์พระพุทธชินราช

องค์พระพุทธชินราช สวยงามเลื่อมใสมากครับ 

หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจที่วัดคราวนี้ท้องก็หิวกริ่ว เลยเดินเรียบกำแพงวัด ตรงข้ามแม่น้ำน่านไปทางขวา เรื่อยๆ จนไปเจอร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เลยแวะกินกันหน่อย ซึ่งเราก็ต้องร้องอ้อทำไมต้องห้อยขา เพราะ ประวัติที่มาของชื่อห้อยขาคือ สมัยก่อน บ้านแถวนี้ติดแม่น้ำ พอน้ำมาก็ต้องนั่งห้อยขากินข้าวกัน เพราะบางคนนั่งท่าอื่นแล้วเหน็บกินเป็นท่านั่งที่สบาย ส่วนปัจจุบัน ร้านเป็นร้านนั่งขัดสมาธิ กันหมดแล้ว แต่ถือว่าร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้ ก็ประครองความหิวได้ระดับนึง รสชาติกินได้ครับ แต่ยังไม่ถึงกับอร่อยสุดแต่ก็ไม่เลวร้ายนัก กินได้สบายๆลมเย็นๆ ชิวครับ 


ป้าเจ้าของร้าน ทำอย่างขะมักเขม้น

หน้าตาก๋วยเตี๋ยวห้อยขาร้านนี้ รสชาติโอเคกินได้ไม่หวือหวา

หลังจากเสร็จสิ้นจากตัวเมืองพิษณุโลกเราก็เดินทางต่อเพื่อจะไป กางเต๊นท์ที่พักที่ อุทยานภูหินร่องกล้า ดินแดนประวัติศาสตร์แห่งการสู้รบของความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งที่นี่มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติหลายที่อย่างเช่น ลานหินปุ่ม และผาชูธง จุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของอุทยานฯ เมื่อไปถึงเราก็กางเต๊นท์กัน พร้อมกับ ถ่ายรูปกับใบเมเปิ้ลของอุทยานที่บอกเลยว่า เยอะมากกกก...!! และอุณภูมิตอนถึงอยู่ที่ 12 องศาเท่านั้น แค่กลางวันนะครับ ตกกลางคืน อยู่ที่ 7-8 องศาหนาวสะท้าน ซึ่งการมาพักที่นี่เราต้องทำอาหารกินกันเองบอกเลย เพลินมาก และสนุกกับเสียงเฮอา และการสังสรรค์เล็กน้อยยามค่ำคื่น เพื่อเติมพลังลุยความมหัศจรรย์ ของภูลมโลของวันรุ่งขึ้น

อุณหภูมิตอนบ่าย3 อยู่ที่ 14 องศา

สภาพอุทธยานภูหินร่องกล้า คืนนี้หนาวแน่ 

เต้นท์ผมเอง สภาพเยินๆ รู้งี้นอนของ อุทยานดีกว่า T^T 

ทำอาหารอย่างเมามัน ไข่เจียวประทังชีวิต 

เมเปิ้ลที่อุทยาน ยามเช้าเยอะเว่อร์ สวยมากครับ 

เหลืองแดงเต็มไปหมด ใบเมเปิ้ล

เช้าของวันที่ 19 ม.ค. อุณภูมิของวันนี้ที่ อุทยานภูหินร่องกล้า อยู่ที่ 8 องศา เราได้เดินทางไป ถ่ายภาพที่ โรงเรียนการเมืองการทหาร ที่นี่ข้างในเหมือนเกาหลีมากครับ เป็นบ้านที่ฝาบ้านเป็นท่อนเปลือกไม้ต่อกัน และ เติมสีสันด้วยภาพใบเมเปิ้ลแดงสะพรั่งเป็นภาพที่ สวยน่าประทับใจมากครับ กับอากาศเย็นบอกเลยสุดๆครับ ถือว่าผมโชคดีที่ไปแล้วเจอกับภาพบรรยากาศแบบนี้ หลังจากชมทัศนียภาพของที่แห่งนี้เราก็เดินทางไปที่ ภูลมโลกันต่อทันที

ป้ายทางเข้ารงเรียนการเมืองการทหาร

ภายในเป็นบ้านเหมือนเกาหลีเลย แดงๆนั่นใบเมเปิ้ลนะครับ งามมากถ้าเห็นของจริง

ใบแดงไม่สดแต่สวยอยู่ครับ

เกาหลีชัดๆ วิวทิวทัศน์เนี่ย 

การที่เราจะไปภูลมโลนั้นเราต้องเดินทางด้วย รถ Off Road หรือ 4X4 เท่านั้น ถ้าเป็นรถเก๋งอื่นๆหมดสิทธิ์ครับ ซึ่งที่นี่มีบริการพาพวกเราไปจากการจ้างรถของชาวบ้านขึ้นไปครับ จากหมู่บ้านของชาวบ้านไปถึง ภูลมโลใช้เวลา ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งระยะทางอยู่ที่ 6-7 กิโลเท่านั้น ซึ่งการเดินทางเต็มไปด้วยฝุ่นแดงครับ ซึ่งทุลักทุเลอยู่พอสมควร ทำยังไงได้ล่ะครับ ของสวยของหายากมักต้องเจอความลำบากก่อนถึงจะเห็น พอเราผ่านแปลงปลูก พญาเสือโคร่งแปลงแรกถึงกับเศร้าครับ เพราะ ดอกได้บานร่วงโรยหมดแล้ว กับ คำพูดต่างๆนานา ก่อนขึ้นภูว่า "มันบานร่วงหมดแล้วไอ้น้องไม่ต้องขึ้นไปหรอก" แต่ชาวบ้านที่นี่บอกว่ายังมีครับ และยังบานสวยอยู่เดี๋ยวผมพาไป (ส่วนตัวไม่ชอบพวกบรัฟให้เสียความรู้สึกก่อนขึ้นมากๆ คุณไม่เห็นแต่ผมได้เห็น คุณเหมือนปิดหูปิดตาตัวเองไปนะครับ ไม่ชอบเลย) แต่แปลงแรกก็ทำใจ พอ แปลง 2-3-4-5 ก็บานหมด ตอนนี้รู้สึกแห้วๆแต่ความหวังยังมี จนสุดท้ายพวกเราก็ได้สัมผัสสีชมพู ของดอกพญาเสือโคร่งที่อยู่แปลงสุดท้าย ของภูลมโลแห่งนี้ ซึ่งคาดว่า เป็นแปลงสุดท้ายของ อาทิตย์นี้หมดแปลงนี้ ต้องรอบานอีกที ถึงปีหน้า ถือว่า ผม ทำสำเร็จตามเป้าหมาย และ ก็สมดั่งใจที่ได้ มาพิชิตตามความฝันสำเร็จ

เตรียมตัวเดินทางไปภูลมโล โดยรถของชาวบ้าน

เส้นทางการเดินทางล้วนมีแต่ฝุ่น

ไม่ใช่รถOff Road หรือ 4X4 อาจจะมาไม่ได้นะครับ

วิวข้างทางเป็น เหวและทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ

แปลงสุดท้ายของปีนี้ ดีใจที่ได้เห็น 

คุ้มค่าที่ได้มาเจอ

ฟ้าสีครามกับพญาเสือโคร่งชมพูสด ตัดกันสวยงาม

รอยยิ้มความภาคภูมิใจ

ดอกชัดๆ ไม่ได้เด็ดจากต้นนะครับ เก็บบนพื้น

ซากุระเมืองไทย สวยอ่าาา

หลังจากเสร็จภาระกิจ เราได้แวะ พระธาตุผาซ่อนแก้ว เพื่อสักการะพระธาตุที่นี่เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับการเดินทางกลับบ้าน ปลอดภัย ซึ่งที่นี่ยังสร้างเสร็จไม่สมบูรณ์นักแต่นับว่าสวยตระการตามากครับในจุดนี้ ยังไม่อยากคิดเลยว่าถ้าสร้างเสร้จแล้วจะสวยขนาดไหน ก่อนเดินทางกลับกทม.ก็ได้แวะซื้อของฝากที่ ไร่กำนัลจุลที่ เพชรบูรณ์ ก่อนเดินทางถึงกทม โดยสวัสดิภาพ

เตรียมเข้า สักการะระธาตุผาซ่อนแก้ว

สวยงามมากประดับด้วยเครื่องเบญจรงค์ต่างๆ

สมชื่อว่าผาซ่อนแก้ว แก้วนิลจินดาประดับสวยมาก

พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ยังสร้างไม่เสร็จ แต่สวยตระหง่านมากๆ

กำแพงพระธาตุสวยมากครับ

ตบท้ายก่อนกลับ กทม แวะ กาแฟโมอาย กาแฟ บ้าอะไรแพงฉิบหาย รสชาติเฉยๆงั้นๆ 

ซึ่งทริปนี้ผมดีใจและปลื้มใจที่ได้เห็นทั้งใบเมเปิ้ลสีแดง กับดอกพญาเสือโคร่งที่ว่ากันว่าเป็นซากุระเมืองไทย ถ้าทุกท่านมีโอกาสอยากให้ไปลองสัมผัสกันดูสักครั้งครับ โครตฟิน..!! เมืองไทยมีอะไรให้เราเปิดตาเปิดโลกอีกเยอะ แต่ไปแล้วไม่ควรเห็นแก่ตัวเด็ดทำลายธรรมชาติเลยนะครับ เพราะความมักง่ายของคนบางคนอาจจะทำให้ใครหลายคนไม่ได้ยลความงามของที่เหล่า นั้นไปเสีย ทริปนี้ผมปลื้มและแฮปปี้มากๆ ทริปหน้าฟ้าใหม่ ถ้ามีตังแบกเป้ไปเที่ยวอีกผมจะนำมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ ภาพอาจจะไม่สวยเว่อร์ เพราะผมงบมีแค่ไอโฟนตัวเดียว แบกกล้องใหญ่ใช่ว่าจะถ่ายเป็นเลยเอาแบบ งูๆปลาๆนี่แหละครับ ขออภัยจุดนี้เด้อพี่น้อง ขอบคุณที่ติดตาม เดี๋ยวคาดว่า ร้อนนี้ จะไปตากคลื่นแสงแดดลมทะเลกันหน่อยว่าแต่วาที่ไหนนั้น ความลับครับ....

BY เทนดามะ (Tendama)