ไหว้พระ 2 องค์ดำ ย้อนความทรงจำ “มอเตอร์ไซค์”
หม่ำสเต๊ก จิบกาแฟ กลางหัวใจล้านดวง
คนไปกาญจนบุรี หลายคนอาจจะมีจุดหมายเป็นสถานที่อันโด่งดัง ไม่ว่าจะเป็น ทางรถไฟสายมรณะ สะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานมอญ ถือเป็นไฮไลท์ที่ทำให้หลายคนอยากไปเยือนซึ่งสถานที่เหล่านั้นเราก็ไปเยือนมาแล้ว
ด้วยความที่คุณพ่อ คุ้นเคยกับ ราชบุรี กาญจนบุรี เลยผ่านไปผ่านมากันอยู่บ่อยๆ ทำให้เราได้รู้จัก อำเภอท่ามะกา ซึ่งถือเป็นอำเภอด่านแรก คนส่วนใหญ่ได้แค่ผ่าน แต่วันนี้ เรามาแวะเที่ยวกันแบบจริงจัง
ท่ามะกา เป็นอำเภอเป็นอำเภอเล็กๆ ประชากรมีไม่มาก ห่างจากกรุงเทพประมาณ 100 กิโลเมตรเท่านั้น นักโบราณคดีอ้างถึง ชุมชนแห่งนี้ ว่าเป็นบริเวณโบราณสถานพงตึก เป็นที่ค้นพบตะเกียงน้ำมันสำริด ศิลปะโรมัน-กรีก ถือว่าเป็นวัตถุโบราณที่สวยที่สุดที่ค้นพบในประเทศไทย
การเดินทางไปท่ามะกา ไม่ยาก ใช้เส้นทางจากกรุงเทพไปนครปฐม แล้วตรงไปบ้านโป่ง หากเป็นช่วงเดือนกุมภาฯ มีนาฯ หรือต้นฤดูร้อน แนะนำให้ใช้เส้นทางไทรน้อย บางเลน เข้ากำแพงแสน ออกนครปฐม โดยเฉพาะเส้นไทรน้อยไปบางเลน ทั้งกลางทางและข้างทางเป็นช่วงที่ดอกเตเบบูย่า หรือเหลืองปรีดิยาธร บานเหลืองอร่ามไปตลอดทางเลยทีเดียว แถมบางแห่งก็จะเจอต้นอินทนิล ที่บานเช่นกัน แต่เป็นสีม่วงทั้งต้น เมื่อถึงบ้านโป่ง ให้วิ่งตรงไปท่ามะกา ผ่าน ต.ลูกแก ถึง อ.ท่ามะกาให้เลยไปอีกไม่กี่กิโล จะเจอสี่แยกแยกไฟแดงที่เรียกว่าแยกท่าเรือ
จากนี้ไม่ไกล จะพบกับ พิพิธภัณฑ์รถจักรยานยนต์โล้วเฮงหมงใช่แล้วนี่คือ พิพิธภัณฑ์รถมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นแห่งแรกและแห่งเดียวของเมืองไทย ผ่านมาแล้วก็แวะเที่ยวกันสักหน่อยละกัน
LHM Motorcycle Museum เพิ่งเปิดได้ปีเศษ เจ้าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือกลุ่มบริษัทโล้วเฮงหมง ของตระกูลพงษ์วิทยภานุ ที่บรรพบุรุษมาจากเมืองจีน เมื่อกว่าครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา เริ่มจากธุรกิจค้าขายพืชไร่ ก่อนที่จะมาเปิดธุรกิจขายรถมอเตอร์ไซค์ในชื่อ โล้วเฮงหมงมอเตอร์ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมตระกูลนี้ขายรถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นเจริญรุ่งเรืองมาถึงยุคปัจจุบัน อันเป็นยุคที่มอเตอร์ไซค์กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญของคนไทยไปแล้ว เพราะแทบจะทุกตรอกซอกซอย ต้องมีวินมอเตอร์ไซค์ให้เห็นจนชินตา
หลังจากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ที่คนในแถบเมืองกาญจน์และจังหวัดใกล้เคียง แทบไม่มีใครไม่รู้จักโล้วเฮงหมง หากต้องการมีมอเตอร์ไซค์ซักคัน ต้องมาที่ร้านนี้ เพราะโล้วเฮงหมงขายรถครบทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า ยามาฮ่าซูซูกิ รวมทั้งคาวาซากิ
เจ้าของคือคุณวรวุธพงษ์วิทยภานุ ทายาทรุ่น 3 เห็นว่าหลังจากตระกูลตนเองทำธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จ ก็อยากจะตอบแทนสังคม ในรูปแบบการสร้างศูนย์เรียนรู้ เกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ จึงได้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์รถจักรยานยนต์โล้วเฮงหมง หรือชื่อภาษาอังกฤษ LHM Motorcycle Museumและเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ ไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เก็บรวบรวมรถจักรยานยนต์ ตั้งแรกรุ่นแรกๆ ของแต่ละยี่ห้อ มารวมไว้ในพื้นที่ 400 ตารางเมตร แต่ละคันได้รับการดูแลอย่างดี นอกจากนี้ยังแสดงภาพและประวัติของของผู้ก่อตั้งรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อต่างๆ รวมไปถึงชั้นบนของพิพิธภัณฑ์ ยังแสดงโปสเตอร์โฆษณาของบริษัทต่างๆ ด้วย
เราออกเดินทางจากจุดนี้ เพื่อเดินทางไปต่อไปยังวัดตะคร้ำเอน ที่อยู่ติดถนนไม่ไกลจากแยกท่าเรือมากนัก
คนท่ามะกาบอกว่า หากมาถึงอำเภอนี้ ต้องไม่พลาดไปกราบหลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองท่ามะกา และที่แปลกก็คือ ท่านเป็นพระประธานในโบสถ์ของวัดแต่ท่านไม่ต้องการอยู่ในโบสถ์ตำนานกล่าวว่า ประมาณปี 2500 มีชาวบ้านที่เลื่อนใสในพุทธศาสนา ได้สร้างพระพุทธรูปจำนวน 113 องค์ เพื่อฉลองปีกึ่งพุทธกาล ถวายตามวัดต่างๆ โดยหลวงพ่อดำ ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในโบสถ์วัดตะคร้ำเอน หลวงพ่อดำวัดตะคร้ำเอน อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวกาญจนบุรีและจังหวัดใกล้เคียงแต่แล้วไม่นานท่านเจ้าอาวาส ฝันว่าหลวงพ่อดำมาบอกว่า ท่านต้องการอยู่หน้าโบสถ์มากกว่าอยู่ในโบสถ์ และมาเข้าฝันบ่อยครั้งจนสุดท้ายท่านเจ้าอาวาสจึงทำตามประสงค์โดยสร้างพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธานแทน หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการอยู่หน้าพระอุโบสถส่วนสาเหตุที่เรียกท่านว่าหลวงพ่อดำ เพราะหลังจากที่นิมนต์ท่านมาอยู่หน้าพระอุโบสถแล้ว ทองที่ชาวบ้านมาปิดท่านหลุดลอกออกจนหมด เหลือองค์ท่านเป็นสีดำทั้งองค์ และท่านมาเข้าฝันเจ้าอาวาสอีกครั้งว่าท่านไม่ต้องการให้ปิดทองท่าน ขอให้ท่านมีสีดำอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ชาวบ้าน จึงเรียกท่านว่า หลวงพ่อดำ ตั้งแต่นั้นมา
ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้น คือการปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาด ปลอดภัย รวมถึงเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย จนเป็นที่เลื่อมใสของคนย่านนี้นี่คือเหตุผลว่าทำไมมาท่ามะกาต้องมากราบหลวงพ่อดำออกจากวัดตะคร้ำเอน แวะวัดดอนชะเอม เพราะอยู่ไม่ไกลกัน
วัดดอนชะเอม เป็นวัดที่ประดิษฐานพระสีวลี ติดนิล สูง 9 เมตร เป็นพระสีวลีองค์ดำทั้งองค์ หนึ่งเดียวของเมืองไทย ซึ่งถือว่าเป็นพระสีวลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพุทธศาสนิกชนมีความเชื่อว่า ผู้ใดบูชาพระสีวลีแล้วจะทำให้เกิดโชคลาภและร่ำรวย เรียกว่ามาท่ามะกาทั้งที ได้มาไหว้พระองค์ดำถึง 2 องค์ เป็นสิริมงคลกลับบ้าน เรียกว่าทั้งโชคดีมีเฮง มีรวย ประมาณนั้น
ออกจากวัดแล้วถึงเวลาอาหาร มาท่ามะกาทั้งที เหมือนไฟท์บังคับให้ต้องมาที่ร้าน บ้านสวน กล้วย...กล้วย เหตุผลเพราะ ร้านนี้ได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารร้านเดียวที่ตั้งอยู่ในสวนกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตก ร้านนี้อยู่ที่ตำบลพงตึก หากมาจากกรุงเทพ ถึงแยกไฟแดงท่ามะกา ให้เลี้ยวซ้ายไปตำบลหนองตากยา เลี้ยวไปประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ จะเจอ คลองชลประทาน ให้เลี้ยวซ้ายหลังข้ามคลองไปประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อก้าวเข้ามาในร้าน ก็สัมผัสได้ถึงความร่มรื่นของต้นไม้อันเขียวขจี เพราะทั้งร้านแวดล้อมไปด้วยกล้วยไม้นานาชนิด ทั้งแวนด้าแอสครเซนดร้า ฟาแรนนอฟซีสฯลฯเท่านั้นยังไม่พอ ยังมีไม้ใบ ไม้แขวนอีกหลากพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น ต้นหัวใจล้านดวง เดฟกระเป๋า พลูประเภทต่างๆ ทั้งพลูด่าง พลูหินอ่อน หน้าวัว ฯลฯ
ร้านนี้เจ้าของร้านคือคุณวิรัช วิญญูตระกูล เล่าว่า อยากจะเปิดร้านอาหารที่ไม่ใหญ่มาก ที่สามารถโชว์ฝีมือได้ เพราะมีฝีมือด้านนี้พอสมควร ทำให้เพื่อนกินบ่อยครั้ง(โดยเฉพาะกับแกล้ม) แต่เมื่ออยู่ในวัยที่ผ่านพันการทำงานหนักมานาน หลังส่งลูกเรียนจบทันตแพทย์ จากรั้วแม่โดม ก็เลยอยากอยู่ใกล้ลูกที่มาเป็นหมอฟันอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใกล้ไม่ไกล เมืองกาญจน์ ประจวบเหมาะกับคุณอิทธิศักดิ์ ชัยญาติ เจ้าของฟาร์มกล้วยไม้เพื่อนรักคุณวิรัช ที่ปลูกกล้วยไม้และไม้ใบส่งออกไปญี่ปุ่นมากว่า 20 ปี สุดท้ายทุกอย่างก็มาลงตัวอย่างสวยงาม (ด้วยสารพัดพรรณไม้) ด้วยการจับมือเปิดร้านบ้านสวนกล้วย...กล้วยตามความฝันและความปรารถนาของทั้งคู่ อาหารร้านนี้เน้นหนักไปทางสเต๊ก มีทั้งหมู ปลา ไก่ ราคาไม่แพงมาก จานละ 120-150 บาท แถมรสชาติดีจึงไม่แปลกใจที่มีลูกค้าตรึมเกือบทุกวัน
นอกจากนี้แล้วยังมีอาหารอีกหลากหลายชนิด ทั้งสลัด สปาเก๊ตตี้ ข้าวผัดอเมริกัน ยำชนิดต่างๆฯลฯโดยเฉพาะสลัดนั้น สารพัดผักเป็นผักออแกนิก ล้วนๆ เป็นที่ถูกใจขารักสุขภาพที่อินเทรนด์ในยุคนี้ อาหารทะเลสด สั่งตรงจากปากน้ำชุมพรเจ้าของร้านบ้านเดิมอยู่ปากน้ำชุมพร จึงมีอาหารทะเลสดๆ จากที่บ้านมาส่งเกือบทุกเดือน ลูกค้าอยากทาน สามารถออร์เดอร์ได้ ตามความชอบ
เมนูคนรักผัก สลัดไข่ท็อปปิ้งด้วยหัวใจสีขาว
นอกจากนี้แล้ว จากกระแสปั่นจักรยาน ทำให้มีนักปั่นมาอุดหนุนกาแฟกันเนืองแน่นตั้งแต่เช้าตรู่ โดยเฉพาะในวันหยุด ทำให้ต้องพ่วงอาหารเช้าเข้าไปด้วย เพราะบางกลุ่มถึงขนาดเอารถมาจอดเป็นทีมแล้วยกจักรยานคู่ชีพไปปั่น กว่าจะกลับมาก็เกือบเที่ยง ที่นี่จึงมีลูกค้าแวะเวียนมาทั้งช่วงเช้า สาย บ่าย เย็น บรรยากาศร้าน ถูกใจขาปั่น นั่งจิบกาแฟ แลพรรณไม้ใครชอบธรรมชาติ และต้นไม้กับวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย น่าจะชอบร้านนี้ ...