ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเล่าให้ฟัง คิดดูดิว่าสวยจนไม่อยากกระพริบตา55 แค่อยากบอกดังๆว่า ไปเหอะ Norway คือดีมั่กๆ เมืองสวยมั่กๆ
ดีทั้งปลาแซลมอน ดีทั้งหิมะสวยๆทั่วเมือง ดีทั้งมองไปทางไหนมุมไหนก็ถ่ายภาพสวยทุกมุม นอร์เวย์ถือเป็นประเทศในกลุ่ม สแกนดิเนเวีย มีศูนย์กลางอยู่ที่คาบสมุทรสแกนดิเนเวียในยุโรปเหนือ ที่เรียกได้ว่าหนาวเย็นตลอดทั้งปีแล้วก็สวยมากๆๆๆๆ กอไก่ล้านตัว
เริ่มต้นด้วยการนั่งเครื่องบินไปลงที่ Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์ ใช้เวลาบินประมาณ 12ชั่วโมงได้ กรุงเทพ 00:20น. → ถึง Oslo 06:50 น.ตามเวลาท้องถิ่นบ้านเมืองเค้า
รู้หรือไม่ว่า ประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองใน 10 อันดับที่แพงที่สุดในโลกในทวีปยุโรปเลยล่ะ แต่จะยังไงเก็บเงินสักครั้งหาโปรตั๋วดีๆ ชวนแก็งค์เพื่อนร่วมอุดมการณ์มาหารค่าทริปแล้วก็ลุยเลย มันยิ่งกว่าคุ้มเพราะสวยจริมๆจ้ะเทอออ
Day1
เท้าแตะพื้นตอนเดินออกจากเครื่องบินที่ถึงเมืองออสโล ก็สัมผัสได้ถึงความเย็น Cool ทั้งทริปแน่งานนี้ ก่อนเดินทางมาเที่ยวเช็คแล้วว่าอุณภูมิที่ต่ำกว่า 0องศาในทุกๆวันทั้งที่ Oslo แล้วก็เมืองที่จะไป Tromso ไม่ใช่แค่ 0 องศาธรรมดาๆค่ะ แต่ติดลบในแต่ละวันกันเลยทีเดียว ถึงแล้ววว
เราจะพักกันที่นี่ Scandic Ishavshotel เช็คอินกันเรียบร้อย สำรวจรอบๆห้องพักมุมหน้าต่างมองออกไป หูยยสวยอ่ะ มองลงไปเห็นหิมะ อยากเอาน้ำแดงเทๆๆๆราดๆๆแล้วกินบิงซูมันซะเลย555 ห้องกว้างและสะอาดมากกกกกค่ะ น่านอนมาก
ลงมาจากตัวโรงแรมเพื่อเดินไปทานมื้อเที่ยง Dragon fish Counter Kystens Mathus Restaurants มื้อนี้เป็นมื้อแรกของวันที่จะได้กินอาหารที่นี่ ได้ข่าวเราจะได้กินปลาแซลม่อนสดๆซะด้วย ว้าวๆๆ มาดูเชฟปรุงเมนูปลาแบบสดๆใน Dragon fish Counter แห่งนี้ ปลาแซลม่อนเป็นหนึ่งในพันธุ์ปลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วที่นอร์เวย์ก็เป็นตลาดส่งออกแซลม่อนที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน หลังจากที่จับปลาแซลม่อนจากแหล่งน้ำที่เย็นและใสสะอาดและผ่านกรรมวิธีต่างๆก็พร้อมที่จะส่งออกปลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงออกไปมากกว่า 100ประเทศ
มื้อเที่ยงอลังการงานปลาสดๆ จริงๆค่ะ ปลาแซลม่อนสดๆตัวโตๆนี้ใช้เวลาถึง2-3ปี กว่าจะมีน้ำหนัก4-5กิโลกรัมที่เห็นๆอยู่นี้นะ ดูเชฟรังสรรค์อาหารกันพอประมาณก็ได้เวลาของซูชิ อร่อยสดมากกก แล้วก็อิ่มเวอร์เลยมื้อนี้ เดินขึ้นมายังชั้น2 บนตึกเดียวกัน NSC @Kystens สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (Norwegian Seafood Council – NSC) ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมการประมงและสัตว์น้ำเพื่อพัฒนาและขยายตลาดในต่างประเทศสำหรับอาหารทะเลนอร์เวย์ ชาวนอร์เวย์จากรุ่นสู่รุ่นได้ดูแลถนอมท้องทะเลมาอย่างตั้งใจที่สุด และด้วยความตั้งใจนี้เองจึงทำให้นอร์เวย์เป็นประเทศแห่งอาหารทะเลที่มีคุณภาพ และเป็นประเทศที่ส่งออกอาหารทะเลมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกด้วย แล้วปลาแซลม่อนที่เราทานกันอยู่ในหลายๆที่ก็มาจากประเทศนอร์เวย์นะเออ จากนอร์เวย์บินตรงมายังกรุงเทพฯ ในแต่ละวันๆ SEAFOOD FROM NORWAY โดยมี บริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย
หลังจากที่กินอิ่มแล้วเดินคนเดียวสำรวจแถวโรงแรมที่พักสักหน่อย วิวดีอากาศก๊ด็ซะด้วย ชอบนะหนาวๆเย็นๆแบบนี้55 เอาภาพสวยๆมาฝากเพื่อนๆที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปมา หรืออาจจะไปมาแล้วแต่ก็อยากจะกลับไปเที่ยวอีก จะมาพรีเซนต์ว่าเมืองเค้าน่าอยู่ น่ารักจริงๆ
มองไปโดยรอบ Snow Everywhere จริงๆ เดินๆมองๆออกไปสักพักมีความรู้สึกว่าเมืองเค้าจะดูเหงาๆ หงอยๆเงียบๆ สักหน่อยแต่คนทีใช้ชีวิตที่นี่เค้าก็คงจะชินในแบบที่เค้าอยู่ล่ะนะ55 แต่ยังไงก็น่าจะถูกใจกับคนที่ชอบความเงียบและสงบ
ดินเนอร์มื้อเย็นก่อนกลับไปนอน ร้านนี้ก็จะเดินมาไม่กี่ร้อยเมตรจากที่พัก ร้าน Mathallen มาชมการสาธิตทำอาหาร โดยเชฟ Gunnur Jensen ไปพร้อมๆกับทานอาหารเมนูปลา ความหลากหลายของปลาอย่าง แซลมอน ,ปลาคอด เพื่อปรุงในอาหารและสไตล์ที่แตกต่างกันในแต่ละจาน
ตั้งแต่แล่ปลาสดๆ ปรุงใหม่ๆ ที่เชฟจัดวางทีละจานๆเพื่อให้ได้ทานเมนูปลาคู่กับไวน์ แต่ละจานหน้าตาดีทุกจานแล้วก็สด อร่อยทุกคำเช่นกัน ใครมาเยือน Tromso ต้องมาลองแล้วล่ะ ปลาสดนุ่มเนื้อแน่นอร่อยเด็ดกว่าหลายประเทศที่ไปมาจริงๆ
Day2
มอนิ่งเช้าวันที่2 ของการใช้ชีวิตที่นี่ Tromso เช้านี้หลังจากกิน breakfast ที่โรงแรมกันเรียบร้อยแล้ว ทริปเช้านี้จะไปทำความรู้จักกับทรุมโซกันสักนิด City Tour ฉบับเดิน เดิน เดินและเดิน
ท่ามกลางหิมะโปรยฝอยๆกำลังดี ประหนึ่งเหมือนความฝันโปรยลงมาช้าๆแล้วก็เดินสโลว์ไลฟ์ไปตามทาง เมืองทรุมโซเป็นเมืองเล็กๆ สงบมาก ไม่วุ่นวายส่วนตัวแล้วชอบเลยล่ะ เช้านี้อากาศติบลบเช่นเคยเช้าๆแบบนี้ประมาณ -3 องศาได้ ตกเย็นอากาศก็จะติดลบขึ้นไปเรื่อยๆ หนาวที่สุดสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็เห็นจะเป็นตัวเลข -11 องศาได้
บ้านเมือง ร้านอาหารทั่วๆไปอย่าง Burger King ที่เห็นนี้ก็จะลักษณะเป็นโครงสร้างจากไม้ สีสวยทุกหลัง แดง เขียว ขาว เหลือง พาสเทลดูแล้วอบอุ่นสบายตา สวยดีค่ะ บ้านเมืองเค้าดูแล้วพาสเทลสีตัดสลับกัน คือน่ารักมากกก หิมะจะโปรยปรายลงมาขนาดไหน หนาวแต่เราไม่หวั่นตื่นเต้นที่ได้เดินชมเมือง หนาวแค่ไหนบอกใจว่าไหวอยู่555 เตรียมชุดมาดี ขอบอกไว้ตรงนี้ว่าเตรียมเสื้อผ้ามาให้ดีๆนะคะ ยิ่งถ้าเป็นคนขี้หนาวล่ะก็ ควรใส่ให้สัก3ชั้น ทั้ง base layer, mid-layer และ outer layer ก็พวก ฮีทเทค ฟรีซ หรือ ลองจอน หาซื้อได้ง่ายๆใน ยูนิโคล่สาขาใกล้บ้าน หรือจะ ยูเนี่ยนมอลล์ก็ได้ค่ะ
ขอบอกถ้าไม่ใส่ถุงมือหรือถ้าไม่เตรียมถุงมือมา นิ้วชา นิ้วแข็งแน่นอน แนะนำให้เตรียมทุกสิ่งอย่างมาจากที่เมืองไทยนะคะ เพราะถ้ามาซื้อใหม่ที่นี่ราคาสูงพอสมควร แอดเตรียมมาครบเซ็ทค่ะ รวมทั้งรองเท้าลุยหิมะ แบบติดลบได้ถึง -32องศากันเลยทีเดียว จัดที จัดเต็มค่ะ เพราะทริปนี้เราจะไปตะลุยหิมะกันเยอะมากค่ะในทุกวัน ทั้งไปแคมป์ปิ้งกลางหิมะทั้ง Reindeer Sledding
หลังจากเดินลุยหิมะท่ามกลางหิมะตกปอยๆ ขึ้นรถออกชาญเมือง Tromso กันหน่อย ตื่นเต้นๆๆ จะได้ไปแคมป์ปิ้งผิงไฟท่ามกลางหิมะสุดสายตา มื้อ Lunch with Typical Norwegian มื้อนี้ไม่ธรรมดา นั่งกินยืนกินท่ามกลางความเย็นยะเยือก เพราะมองไปรอบๆมีแต่ ผืนหิมะ หิมะ และก็หิมะค่ะ แล้วก็ทะเลสาปอยู่ตรงหน้า หนาวสุดขั้วไปเลย เอาเป็นว่า มือแข็งเลยนะถ้าถอดถุงมือออก ทั้งชาทั้งแข็งของแท้ แก้มทั้งสองข้างแบบว่าชาไปเลยจร้าาาา
จนต้องหาผ้าบัฟมาปิดไว้ มื้อนี้ผิงไฟกับเด็กๆระดับอนุบาลบ้านเรา ดูน้องๆเค้าดูไม่หนาวเลยนะนี่ เก่งชะมัด5555 เที่ยงนี้กินขนมปังกับน้องๆท่ามกลางทะเลหิมะยังไงไม่รู้55 ดูๆไปคิดอยู่คนเดียวว่า เหมือนตัวเองโดนภัยพิบัติหิมะอยู่ยังไงยังงั้น555 ที่สุดแล้ว เป็นการเปิดโลกที่ดูตื่นตาและตื่นเต้นมั่กๆค่ะ ทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำมาเนี่ยมันก็ดีมากๆเลย ตื่นตาตื่นใจดีได้ฟีลลิ่ง มันต้องยังงี้สิ สักครั้งในชีวิต!!!
กลับมาเข้าเมือง Tromso กันต่อ University of Tromso มหาวิทยาลัยอาร์กติกแห่งนอร์เวย์ เป็นสถาบันการพัฒนาการศึกษาสภาพแวดล้อมธรรมชาติ อีกทั้งเป็น สถาบันวิจัยทางทะเลแห่งนอร์เวย์และศูนย์สิ่งแวดล้อมขั้วโลก มาเรียนรู้และ Lecture เรื่อง seafood ปลาแซลม่อนและอาหารทะเลกันหน่อย ปลาทะเลอย่าง แซลมอนที่เป็นที่ชื่นชอบของทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แซลมอนมาเป็นปลาที่เต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ทั้ง กรดไขมันโอเมก้า 3, EPA, DHA โปรตีน และวิตามินB วิตามินD รวมทั้งแคลเซียม และแร่ธาตุต่างๆ สายพันธุ์นอร์วีเจียน แซลมอนของนอร์เวย์ ก็เป็นที่นิยมทานกันมากในบ้านเราและทั่วโลก แซลม่อนจากนอร์เวย์ผ่านมาตรฐานทุกด้านด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีผลผลิตราว 1.3ล้านเมตริกตันต่อปี เป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกเลยล่ะ
คุณจอน อีริค สทีนสลิด ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สภาอุตสาหกรรมนอร์เวย์ ผู้ที่ได้หลงใหลในอาหารทะเลมาทั้งชีวิต เล่าให้ฟังว่า ปลาแซลมอนถูกขนส่งจากเครื่องบินจากแหล่งเพาะเลี้ยงในเมืองออสโลสู่เมืองไทย หลายครั้งต่อสัปดาห์ ใช้เวลาการส่งเพียง 48ชม. ก็ส่งตรงไปถึงร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยได้อย่างรวดเร็ว บนจานซาซิมิ โอ้ววว้าว เป็นจานซาซิมิที่เรากินในร้านอาหารญี่ปุ่นหลายๆร้านนั่นล่ะค่ะ
เย็นนี้เราจะไปนอนอีกเมืองนึงค่ะ จาก Tromso ไปยัง Skjervoy เราจะขึ้นเรือและไปดินเนอร์อาหารค่ำบนเรือ เดินทางโดย Hurtigrute Cruise ใช้เวลาไป Skjervoy 4ชม
แบบนี้ดินเนอร์มื้อค่ำเสร็จก็หลับไปยาวๆเลยค่ะ ขึ้นไปดาดฟ้าจะชมแสงเหนือซะหน่อยแต่วันนี้ฟ้าไม่เปิดค่ะ แสงเหนือไม่มาค่ะ ดาดฟ้าบนเรือคือเรือแล่นกระทบกับลมแรง มือชา หน้าชา หนาวเย็นจนทนไม่ไหวค่ะกลับลงมานั่งๆนอนๆบนเรือท่าจะชิลล์กว่า บนเรือก็จะมีทั้งช้อปขายเสื้อผ้ากันหนาว พร้อมทั้งของที่ระลึกค่ะ
ถึงแล้ว ลงเรือแล้วเดินต่อประมาณไม่กี่ร้อยเมตร ก็ถึงโรงแรมที่จะซุกหัวนอนคืนนี้ Hotell Maritim @Skjervoy สะอาดสะอ้าน น่ารักน่าพักอีกแล้วครัชท่าน อากาศก็จะประมาณนี้ล่ะ หิมะรอบตัวโรงแรม
ก็ช่วงนี้ถือเป็นหน้าหนาวบ้านเค้าอ่ะเนอะ ที่เห็นอยู่นี้คือบรรยากาศยามเช้านะประมาณ 8โมงเช้าแต่ก็จะสลัวๆหน่อย เห็นแล้วง่วงมันทั้งวัน555
Day3
เช้าวันใหม่ เช้านี้มุ่งหน้าไปยัง Aurora Salmon Centre และ ศูนย์ Leroy Aurora ณ มหาสมุทรแอตแลนติก ไปชมการเพาะเลี้ยงและวัฎจักรของแซลม่อน
รู้รึเปล่าว่า นอร์เวย์ยังมีระบบการผลิตที่ทันสมัยและการจัดการปลาแซลมอนที่เข้มงวดเอามากๆเลยล่ะ รวมถึงกระบวนการด้านสุขอนามัย รวมถึงการเข้มงวดเรื่องทำน้ำเสียให้เป็นน้ำดี ทางนอร์เวย์เค้าเคร่งครัดเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ลงเรือไปชม farm factory หรือฟาร์มปลาแซลม่อน เลี้ยงในทะเลแอตแลนติก นี่แหละที่เราได้มาเห็นด้วยตาตัวเองว่ากรรมวิธีที่เค้าเลี้ยงโดยธรรมชาติจริงๆ พร้อมเทคโนโลยีคุณภาพ ซึ่งรวมถึงไข่ปลาแซลมอนที่เลี้ยงทุกกระบวนการนั้นแน่นอนว่าจะไม่มีปรสิต หรือพยาธิปลาแซลมอนนอร์เวย์แน่นอน รับรองว่าปลอดภัยแม้ว่าผู้บริโภคจะบริโภคปลาดิบก็ตาม
จอน อีริค อธิบายกระบวนตั้งแต่ปลาอยู่ในฟาร์มจนไปถึง การบรรจุห่อตั้งแต่ต้นจนจบ แล้ววันสุดท้ายจะได้ไปดูการส่งออกกันถึงถิ่นอีกที หูยยยปลาแซลม่อนอยู่กันในน้ำที่มีภูเขาน้ำแข็งหิมะเกาะในภาพที่เห็น อยู่กันในทะเลแอตแลนติกที่เย็นเฉียบนี้เลยเหรอนี่ เพิ่งรู้ก็วันนี้เอง
จากที่เยี่ยมชมฟาร์มกลางทะเลอาร์กติกกันแล้ว เราจะกลับ Tromso กันคราวนี้ไม่ได้นั่งเรือกลับแบบตอนมานะ เราจะนั่งรถบัสกลับกันใช้เวลาประมาณ 4ชมเศษๆ หลับไปบ้าง ตื่นมาดูสองข้างทางไปเพลินๆค่ะ บ้านเมืองเค้าดูดี เจริญหูเจริญตาดีจริงๆ ดูแล้วมันเพลินเหมือนนั่งรถแค่ชั่วโมงเดียวยังไงไม่รู้สิ555
กลับมาดินเนอร์แถวไม่ไกลจากที่พักกันค่ะ เดินไปเดินกลับมาได้ Arctandria restaurant มื้อนี้กินเสต็กกวาง ไม่เคยกินก็ต้องลองล้ะ Where Where is Where Where (ไหนๆก็ไหนๆ)ล้ะ555
เสต็กเนื้อกวางแบบมีเดียมๆเนื้อนุ่มมากกก กลมกล่อมค่ะ นี่บอกตรงกินเนื้อกวางครั้งแรกเลยนะ จัดว่าเนื้อนุ่มมากละลายในปาก ตบท้ายด้วยไอศครีมราสเบอรี่ตบท้ายแล้วกลับไปนอน
แง ทำไมเศร้า T T คืนนี้คืนสุดท้ายแล้วล่ะ เหมือนกำลังเพลินยังไม่อยากกลับไทย เผลอแป็บๆที่จะนอนค้างที่ทรุมโซ 3คืนที่ผ่านมาคือยังไม่มีโอกาสได้เห็นแสงเหนือเลย เพราะหิมะที่ตกตลอดเว ทำให้ท้องฟ้าไม่เปิด และมีเมฆมากไป ทำให้ไม่ได้เห็นปรากฎการณ์แสงเหนือสักที คืนนี้ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ได้ ขอให้โดน ขอให้เจอ อ้าววเห้ยยย คำอธิษฐานเป็นจริง มายืนรอไม่นานจากแถวด้านหลังโรงแรม ช่วงเวลา5ทุ่มนิดๆ กดชัตเตอร์แบบรัวมาก ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน Northern Light (แสงเหนือ) มาไวและไปไวมากกกกก มาแว๊ปๆแล้วหายไป แล้วก็ไปขึ้นที่ใหม่ ถ่ายมาให้เห็นประมาณนี้ค่ะ ยังไงก็ตามจะสุดหรือไม่สุดมันก็อยู่ที่ สักครั้งในสายตาของตัวเองนี่ล่ะ สุดยอดล้ะ
แสงเหนือในคืนนี้ ถึงจะมาน้อยแต่แค่ได้มาเห็นสุดจะบรรยาย คือยังไงขอให้มาเหอะ มาแค่นี้ก็รู้สึกคุ้มค่ามากๆ เป็นบุญต่อสายตามั่กๆแล้ว ถือว่ามาแล้วไม่เสียเที่ยวล้ะ ดีกว่ามาถึงนอร์เวย์แล้วไม่ได้เจอ ไม่งั้นจะขอมาใหม่อีกรอบ555 รู้สึกเหมือนพกดวงมาด้วย ใจเต้นรัวมากกเช่นกัน55
ช่วงเวลาที่แอดถ่ายแสงเหนือได้ประมาณ ห้าทุ่มนิดๆ (แต่แสงเหนือจะเกิดในช่วงที่ฟ้าเปิด โดยประมาณ 22.00 น.เป็นต้นไป สถานที่เจอ แถวที่พักโรงแรม Scandic Ishavshotel
เช็คค่าในแอพ ค่า KP ประมาณ 3-4 (ประมาณนี้)
จุดชมแสงเหนือในประเทศนอร์เวย์ Tromso,Finnmark,Alta และ Svalbard คือยืนมุมไหนของเมืองนี้ก็สามารถมองเห็นแสงเหนือได้ค่ะ แต่ต้องในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ ฟ้าเปิดๆนะคะ
ช่วงเดือนไหนที่นิยมไปล่าแสงเหนือ
ช่วง ปลายๆตุลาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว (ช่วงนี้จะยังไม่มีหิมะ ง่ายต่อการใช้เส้นทางเดินไปชมเพราะหิมะจะยังไม่ปกคลุม)
ส่วนเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับการล่าแสงเหนือเลยล่ะ (แต่ช่วงนี้จะมีหิมะปกคลุม อากาศหนาวมาก วิวที่ได้ก็จะสวยมากเช่นกัน)
ช่วงเวลาในการเกิดแสงออโรรา
-ออโรราจะปรากฏบ่อยครั้ง ตั้งแต่เวลา 22.00 น และช่วงดึกๆ
-ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในเดือนตุลาคม กุมภาพันธ์ และ มีนาคม เป็นเดือนที่เหมาะสำหรับการชมออโรราทางซีกโลกเหนือ
ปล. บางคนไปทั้งทริป 8-9 วัน ก็ยังไม่เห็นแสงเหนือก็มีมาแล้ว ถึงจะท่องพุทโธทั้งวันหรือพึ่งไสยศาสตร์ ก็ช่วยไม่ได้ ของแบบนี้ต้องพกดวงไปด้วยนะจ๊ะ
แสงเหนือสามารถเช็คได้ในแอพลิเคชั่น
ถ้าวันไหนมีค่าของ kp-index ที่มากพอ เพื่อนๆก็สามารถมองเห็นแสงเหนือได้ โหลดติดเครื่องไว้ ก็จะมี
-Northern Eye Aurora Forecast
-Aurora Forecast
-My Aurora Forecast
แต่ก็แล้วแต่ว่าจะใช้ Android หรือ IOS ลองโหลดดูก่อนเดินทางไปค่ะ
Day4
วันสุดท้ายในทรุมโซ วันนี้จะไปลงเรือตกปลา Fishing trip ในทะเลอาร์กติกอันหนาวเหน็บ ล่องเรือไปไกลๆชมวิวภูเขาที่มีหิมะปกคลุมทุกเขา
ตกปลาแบบคน Local ไปเรื่อยๆแสนจะชิลล์ แต่คลื่นทะเลก็แอบแรงเช่นกัน สนุกสนานกันกับการตกปลาบนเรือกันเป็นที่เรียบร้อย
ก็ได้เวลามื้อเที่ยงในบ้านสุดแสนจะน่ารักน่าเลิฟ Kvaloya Home พร้อมซุปร้อนๆมื้อกลางวันฝีมือเจ้าของบ้าน อร่อยคลายหนาวได้เลยนะนี่ ในบ้านบนเรืออันแสนอบอุ่นหลังนี้ จะพาทัวร์ไปดูวิวในบ้านรอบๆกันดีกว่า
สุดยอดดดดด วิวคือดีย์ มีอ่างแช่ออนเซ็นชั้นบนในบ้านไปอี้ก ส่วนห้องพักสะอาดระดับสิบไปเลยค่ะ เห็นเจ้าของบ้านบอกว่าเปิดเป็นที่พักให้เช่ารายวันในเว็บ airbnb อีกด้วยนะ ราคาเท่าไหน่นั้นก็ต้องไปส่องกันเอาเองจ้าาแต่วิวดี โลเคชั่นติดทะเล ดีงามทรุมโซจริมๆจ๊ะพี่จ๋าาา
เย้ๆๆ ได้เวลาที่รอคอยอีกกิจกรรม ที่มาแล้วจะพลาดไม่ได้นะ Tromso Arctic Reindeer (Reindeer Sledding) ในทรุมโซ นั่งนุ้งกวางเรนเดียร์ลากเลื่อน น่ารักน่าประทับใจมาก เยสสส
วันนี้มีแดดอ่อนๆ ทอแสงมาให้เห็นด้วยจากที่อยู่มาสี่วันเจอแต่หิมะ แต่แสงแดดไม่มีเลย แต่เห็นแดดออกแบบนี้ แต่อุณหภูมิยังติดลบอยู่ดี แล้วหิมะก็ไม่ละลายอยู่ดี555 เหมือนร่างกายกำลังคุ้นชิน ไม่หนาวแบบเดิมรึร่างกายเราจะเริ่มอยู่ตัว ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เอาถุงมือออก มือก็ชาอยู่ดี น้องกวางเดินย่างกลายอย่างช้าๆ ส่วนเราก็นอนหม่ผ้าให้นางลากไปแบบสโลไลฟ์ น่ารักค่ะ
เที่ยวทรุมโซก็ต้องมาโดนนะจ๊ะ จะ Dog Sledding หรือ Reindeer Sledding ก็ได้นะ น่ารักหมดเลยยยย เอาใจไปเลยจ๊ะ เพลิ้นเพลิน ใครหนาวทนไม่ไหวก็มานั่งรอบกองไฟได้เลยถึงจะหนาวแต่อบอุ่น คิๆๆ
เย็นนี้เราจะกลับไปนอนใน Oslo ค่ะโดยไฟลท์ค่ำนี้เราจะบินจากทรุมโซ ไปยัง ออสโล เพื่อไปนอนอีกคืนเป็นคืนสุดท้ายที่นั่น
ถึงออสโล เข้าเช็คอินที่โรงแรม Radisson Hotel โอ้ววว อย่างใกล้เลยเพียงข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามไม่กี่ร้อยเมตร เราก็ถึงที่พักของค่ำคืนสุดท้ายนี้แล้วล่ะ หน้าตาที่พัก ห้องพักก็จะประมาณนี้ค่ะ สวยสะอาดดีงามตามท้องเรื่องเช่นเคย มินิบาร์ก็มี อาหารเช้าก็ดี มีอาหารหลากหลายจัดเต็มให้เราได้อิ่มเต็มท้อง ดีทุกประการจนไม่อยากจะกลับไทยแล้วววล่ะ555
Day5
วันสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย เราไปเยี่ยมชม Schenker Transport Company อาคารขนส่งสินค้าทางอากาศ Airfreight terminal ตั้งอยู่ในสนามบินออสโล
มีโอกาสเดินเยี่ยมชมขั้นตอนในการลำเลียงปลาแซลม่อนสด โดยไม่ผ่านการแช่แข็ง หรือการ freeze ใดๆ ด้วยเทคโนโลยีการจัดการอย่างมีขั้นตอนและที่สำคัญ ถูกสุขลักษณะ
จากนั้นก็ถูกลำเลียงส่งออกไปยังประเทศไทยในเวลาอันสั้นเพียง 48 ชั่วโมง ภายใต้ Roadfeeders หนึ่งในบริษัทขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดใน Oslo Airport หนึ่งในผู้ส่งออกปลาแซลมอนและปลาเทราต์ที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์
แล้วเวลานี้ก็มาถึง ว่ากันว่า ช่วงเวลาที่มีความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ช่วงเวลาฟินกับหิมะก็จะหมดไปเช่นกัน ได้เวลาไปขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพแล้วสินะ ทิ้งความหนาวสุดขั้วโลกไว้ตรงนี้ แล้วกลับไปสัมผัสอากาศที่เราคุ้นเคยกันแบบตับแล่บ555 ภายในสนามบิน Oslo Airport ช้อปของฝากใน duty free กันก่อนสักหน่อยเพราะยังพอมีเวลาอีกชั่วโมงนิดๆ เราจะไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์แยกย้ายไปช้อปจร้าาา ไปดูวิธีการเพาะเลี้ยงปลาแซลมอนมาเยอะก็อยากซื้อแซลมอนสดๆและรมควันกลับไปกินและเป็นของฝากซะหน่อย พิกัดนี่เลย หากเดินเข้ามาถึงใน duty free เรียบร้อย
แล้ว ให้เดินไปทางเกท E8 (Gate E8) ก่อนถึงเกท E8 ให้สังเกตชื่อร้านว่า Fine Food นั่นล่ะค่ะ ช้อปปลาแซลมอน หรือจะไข่ปลา ได้เลยค่ะ สดใหม่ช้อปไปเป็นของฝากได้เลย
ทริปนี้เพลินมาก ฟินมาก ฟินทั้งหิมะที่ขาวโพนปกคลุมทั่วเมือง ฟินทั้งอากาศติดลบปกติชอบหนาวๆเป็นทุน ฟินทั้งแสงเหนือถึงจะมาน้อยแต่มานะ ฟินทั้งนุ้งกวางลากเลื่อน แล้วก็ยังปลาแซลมอนที่กินๆๆและกิน เห็นกรรมวิธีรวมถึงเทคโนโลยีของบ้านเค้าแล้ววางใจหายห่วงได้ค่ะเรื่องปรสิตต่างๆไม่มีแน่นอนและสามารถทานแบบดิบๆได้อย่างมั่นใจเกินร้อย สรุปแล้วคุ้มเหมือนได้เปิดโลกอีกใบที่อยู่สุดขั้วโลก เพื่อนๆเก็บเงินไปเที่ยวด้วยตัวเองสักครั้งที่นี่นะคะแล้วจะพบกับความฟินเฟอร์ๆที่แอดก็ไม่รู้จะอธิบายยังไหวหมด 555 เอาเป็นว่าเห็นด้วยตาตัวเอง
ข้อควรรู้ก่อนไปเที่ยวนอร์เวย์
-ทำวีซ่าก่อนเดินทาง (วีซ่าเชงเก้น Schengen Visa) สำหรับการเดินทางแถบยุโรป
-Passport หนังสือเดินทางที่ต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน
-การแลกเงิน นอร์เวย์ใช้เงิน NOK โครนนอร์เวย์ (1NOK ประมาณ 4บาท)ขึ้นอยู่กับค่าเงินขึ้น-ลง ช่วงนั้นๆ
-เวลาช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง
-เงินสดจำเป็นมากในการเข้าห้องน้ำ บางสถานที่ใช้เงินครั้งละ 5โครนนอร์เวย์
-บัตรเครดิต/เดบิตจากไทยใช้ได้เฉพาะ ร้านอาหาร และโรงแรม รวมถึงดิวตี้ฟี ส่วนที่อื่นๆนั้นต้องใช้การ์ดที่มีชิปแบบพิเศษเท่านั้น พกเงินสดไว้อุ่นใจกว่า
-การขับขี่รถยนต์ พวงมาลัยอยู่ด้านซ้าย
-การข้ามถนน หากเดินข้ามในสัญลักษณ์ที่เป็นรูปคนในขณะที่ ไฟแดงอยู่ หากฝ่าฝืนจะถูกจับและปรับเป็นจำนวนมากเลยล่ะ วิธีการข้ามถนนที่ถูกต้องคือรอไฟเขียวสำหรับคนข้ามถนนเท่านั้นนะจ๊ะ
ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน (The Midnight Sun) ที่ Tromso
สถานที่ดูพระอาทิตย์เที่ยงคืน เมืองทรุมโซ่ Tromso ช่วงระหว่าง 20 พฤษภาคม-22 กรกฎาคม หรือเมืองต่างๆสามารถเช็คในเว็บนี้ visitnorway.com
จุดชมแสงเหนือในประเทศนอร์เวย์ จุดชมแสงเหนือในประเทศนอร์เวย์ Tromso, Lofoten Islands ,Alta, Svalbard, Finnmark,Flakstad,Andenes,Skjervoy
ในช่วงกลางคืน ช่วงที่ฟ้าเปิด ท้องฟ้าโปร่งๆ
เตรียมเสื้อผ้าและแต่งตัวยังไงกับทริปอุณภูมิติดลบ!!
-เสื้อผ้า บอกเลยว่าหนาวและเย็นมากกกก ให้เตรียมชุดให้พร้อมแบบใส่สัก3ชั้นไปเลยค่ะ ทั้ง base layer, mid-layer และ outer layer ก็พวก ฮีทเทค,ฟรีซเทค หรือ ลองจอน
หาซื้อได้ง่ายๆใน ยูนิโคล่สาขาใกล้บ้าน หรือจะ ยูเนี่ยนมอลล์ก็ได้ค่ะ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปเพื่อความอุ่นใจ
-รองเท้าแบบกันหิมะ ด้วยรองเท้าบูทกันน้ำ Winter boots มีขนบุภายในก็ยิ่งดีช่วยให้อบอุ่นเท้ามากขึ้น อาทิ columbia,north face,vans boots,timberland หรือแล้วแต่ที่เพื่อนๆจะหาซื้อได้ค่ะ นี่ยกตัวอย่างให้ดูค่ะ
-ถุงเท้า ถ้าเพื่อนๆมีแบบบางก็ใส่หลายๆชั้นได้ค่ะ
-ถุงมือ หนาวแบบนั้นไม่งั้นมือชา มือแข็งนะจ๊ะ
-หมวก Head Face Mask Neck เพื่อรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายที่ดีที่สุดก็ควรปกป้องส่วนศรีษะด้วยหมวกไหมพรม หรือหมวกแบบคลุมหูด้วยก็ดีค่ะ ช่วยได้มากกกก
โทรฉุกเฉิน (Emergency Number)
112 Police
113 Ambulance