เกาะหมากโคโค่เคป สวรรค์กลางทะเลอ่าวไทย ฟ้าสวย น้ำใส แห่งท้องทะเลตราด

เกาะหมาก อีกหนึ่งเกาะสวรรค์ทะเลฝั่งอ่าวไทย จังหวัดตราด ที่อยากให้ไปสักครั้ง ที่นี่เที่ยวได้ทั้งปี น้ำทะเลใสมาก เป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก เมื่อเทียบกับเกาะช้าง หรือเกาะกูด นั่งเพ้อๆ ถึงเกาะหมากที่เคยไปเมื่อ 7 ปีก่อน ยิ่งได้เห็นภาพจากคุณ The Cloud สมาชิกพันทิปดอทคอม แล้วกรี๊ดเลย อยากกลับไปที่นี่อีกครั้ง แต่ก่อนไปนั่ง ดูรีวิวนี้ให้ฟินแล้ววางแผนชวนคุณข้างๆ ไปเที่ยวกันดีกว่า 
__________________________________

สวัสดีครับ 


ผมได้ไปเที่ยวเกาะหมาก (พ่วงเกาะกูดด้วยนิดหน่อย) ในช่วงวันหยุดยาวต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ผมตั้งใจอยากไปสัมผัสกับเกาะกลางทะเลอ่าวไทยของจังหวัดตราด ที่เค้าว่ากันว่าสวยนักสวยหนาให้เห็นกับตาสักครั้งซึ่งผมมีเวลาเที่ยว 4 วัน 3 คืน ก่อนไปก็ตัดสินใจว่าจะเน้นที่เกาะกูด หรือเกาะหมากก่อนดี แต่ในช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ตัดสินใจนานไม่ได้ครับ เพราะที่พักจะเต็มหมด

สุดท้ายผมเลือกเน้นไปที่เกาะหมากครับ เพราะเกาะหมากเมื่อเทียบกับเกาะกูดแล้วยังไม่ฮอตฮิตเท่าผมจึงคิดว่าในช่วงหยุดยาวแบบนี้คนน่าจะเฮโลไปเกาะกูดกันเยอะกว่าแน่ๆ เกาะหมากน่าจะชิวกว่าครับแถมเกาะหมากแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นเกาะไร้มลพิษ Low Carbon Destination อีกด้วยสรุปแล้วจึงเกิดทริปเกาะหมาก 2 คืน พ่วงเกาะกูดไปด้วยเบาๆ อีก 1 คืนพร้อมแล้วไปชม “สวรรค์กลางทะเลอ่าวไทย” กันครับ


การเดินทางไปเกาะหมาก

เกาะหมากตั้งอยู่จังหวัดตราด ซึ่งเกาะนั้นอยู่กลางทะเลระหว่างเกาะช้าง และเกาะกูดครับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดตราดนั้นมีหลายวิธีทั้งนั่งเครื่องบินไป ขับรถไปเอง นั่งรถทัวร์ หรือนั่งรถตู้ไปแล้วแต่สะดวกเลยครับพอไปถึงก็จะมีเรือให้บริการไปยังเกาะหมากหลายเจ้าเลย แต่ผมเลือกใช้บริการกับบริษัทบุญศิริครับ

จริงๆ ผมใช้บริการของบุญศิริตั้งแต่การเดินทางออกจากกรุงเทพฯ แล้วล่ะครับ โดยรถรอบแรกจะออกจากบริเวณสถานีแอร์พอร์ทลิงค์พญาไท (ตรงทางรถไฟ) เวลาประมาณ 05:30 น. โดยกำหนดการจะไปถึงเกาะหมากเวลา 12:30 น. ซึ่งการเดินทางแบบนี้จะมีรถบัส/รถตู้ ขับพาเราไปที่สำนักงานบุญศิริที่จังหวัดตราด แล้วเราก็ลงไปรับตั๋วขึ้นเรือที่เราจองเอาไว้ที่นี่ จากนั้นก็จะมีรถพาไปยังท่าเรือเพื่อขึ้นเรือไปยังเกาะหมาก (และเกาะกูด) ซึ่งราคาไปเกาะหมาก (เที่ยวเดียว) รวมทั้งหมด 750 บาทต่อคนครับ

วันที่ผมเดินทางรถออกจากกรุงเทพฯ เกือบ 06:00 น. เพราะคนเยอะมากๆ กว่าจะไปถึงจังหวัดตราด กว่าจะลงเรือครบ กว่าเรือจะวิ่งไปถึงเกาะหมาก กำหนดการที่จะไปถึงเวลา 12:30 น. ปรากฏว่าจริงๆ แล้วผมได้ลงจากเรือบนเกาะหมากเวลาประมาณ 14:00 น. (ช้าไปชั่วโมงครึ่ง)ป.ล. เรือเที่ยวแรกของบุญศิริที่ผมไปนั้น จะไปส่คนที่เกาะกูดก่อน แล้วค่อยวกมาส่งที่เกาะหมาก ซึ่งเมื่อเรือถึงเกาะกูด คนบนเรือเกือบทั้งหมดลงไปเกลี้ยงเลยครับ เหลืออยู่บนเรือเพื่อไปเกาะหมากไม่ถึง 10 คนเท่านั้นเอง


เกาะหมากโคโค่เคป (Koh Mak Cococape)

หลังจากลงเรือเรียบร้อยแล้ว ผมก็โทรไปแจ้งทางรีสอร์ทว่ามาถึงท่าเรือเรียบร้อยแล้ว ทางรีสอร์ทก็จะส่งรถออกมารับครับ รีสอร์ทที่ผมจะพักบนเกาะหมาก 2 คืนนี้ก็คือ เกาะหมากโคโค่เคป (Koh Mak Cococape) ผมเชื่อว่าแฟนๆ ทะเลทางแถบนี้คงเคยได้ยิน หรือรู้จักรีสอร์ทแห่งนี้กันมาบ้างแล้วนะครับ ผมจะพามาชมกันอีกครั้งนึงนะครับ

จากท่าเรืออ่าวนิดบนเกาะหมาก รถของรีสอร์ทที่มารับใช้เวลาวิ่งประมาณ 15 นาที ก็มาถึงเกาะหมากโคโค่เคป ซึ่งก็มีพนักงานคอยต้อนรับอยู่แล้วด้วย welcome drink และมอบกุญแจห้องให้ครับ ผมจองห้องแบบบ้านริมสระ (Baan Rim Sra) เอาไว้ เป็นห้องพักติดแอร์ แต่ไม่ติดทะเล ราคาคืนละ 2,250 บาท (ราคา Peak Season) ชั้นล่างของบ้านพักในรูปนั่นละครับ ห้องที่ผมจองเอาไว้


ชมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น

เนื่องจากเดินทางมาถึงช้าแล้ว กว่าจะกินข้าวกลางวัน และไปพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง ก็ล่วงเข้าช่วงเย็น พระอาทิตย์จะตกแล้วดังนั้นผมจึงเดินออกจากห้องพักไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินกันบนสะพานไม้ของทางรีสอร์ทเลยดีกว่า สะพานไม้แห่งนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเกาะหมากโคโค่เคปเลยนะครับ 

ซึ่งผมเลือกพักที่เกาะหมากโคโค่เคปก็เพราะสะพานไม้แห่งนี้ล่ะตรงสุดทางของสะพานจะเป็นที่ตั้งของ Blue Pearl Bar ให้บริการเครื่องดื่มต่างๆ ด้วยครับ

วิวพระอาทิตย์ตกดินบนสะพานไม้ วันนี้เมฆเยอะ มองไม่เห็นพระอาทิตย์ครับ

แม้มองไม่เห็นพระอาทิตย์ แต่ได้ฟ้าระเบิดแสงสีสวยๆ แบบนี้ออกมาก็สุดยอดล่ะครับ

วิวบนสะพานหลังจากพระอาทิตย์ตกไปแล้ว ก็สวยงามด้วยแสงไฟไปอีกแบบ



อาหารค่ำที่เกาะหมากโคโค่เคป

มื้อค่ำมื้อแรกบนเกาะหมาก ผมว่าแขกส่วนใหญก็เลือกทานกันที่รีสอร์ทนี่ล่ะครับ เพราะขี้เกียจออกไปหากินร้านข้างนอกกัน ผมได้สั่งอาหารค่ำพร้อมจองโต๊ะริมทะเลเอาไว้ตั้งแต่ตอนมาถึงเรียบร้อยแล้ว พอได้เวลาก็แค่เดินมาที่โต๊ะ บอกน้องๆเจ้าหน้าที่ก็ยกอาหารมาเสริฟอย่างรวดเร็วครับ

ซึ่งอาหารที่นี่ราคาก็พอๆ กับร้านอาหารทะเลทั่วๆ ไป แถมอร่อยดีด้วยนะครับ ดังนั้นหลังจากนี้ทุกมื้อผมก็ฝากท้องไว้ที่นี่ล่ะ ไม่ออกไปหากินที่ร้านอื่นแล้ว (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาซักมื้อเลย สงสัยหิวจัด 555+) ห้องอาหารช่วงกลางคืน มีที่นั่งทั้งข้างในชั้นล่าง บนชั้นสอง ข้างนอก และริมทะเล (จริงๆ คนเยอะนะครับ ผมถ่ายตอนเค้ากินอิ่มกัน กลับห้องไปแล้ว)


ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า

ข้อดีของเกาะหมากโคโค่เคปอีกอย่างคือมีวิวสวยๆ ให้ชมทั้งช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกครับ ผมตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพื่อเดินไปหามุมแถวๆ สะพานไม้ที่เดิม ช่วงเช้าแบบนี้อากาศสบายๆ คนไม่เยอะครับ หามุมถ่ายรูปเพลินเลย วันนี้เมฆยังคงเยอะเหมือนเมื่อวาน แต่แสงสีของท้องฟ้าที่นี่ช้างสวยงามจริงๆ

บรรยากาศยามเช้า

อย่างที่ผมบอกล่ะครับ เช้าๆ คนน้อย ใครชอบถ่ายรูปวิวสวยๆ ไม่มีคน ต้องมาถ่ายช่วงนี้ล่ะครับชมวิวบนสะพานไม้ระหว่างทางไป Blue Pearl Bar กันนะครับ

ศาลาไว้รับลมเย็นๆ

จะมองเห็นเกาะขามที่อยู่ตรงข้ามกับรีสอร์ท 

บรรยากาศยามเช้า

ที่ Blue Pearl Bar ในช่วงร้างผู้คนยามเช้า ยังไม่เปิดให้บริการนะครับ 

บรรยากาศยามเช้า

บริเวณสะพานไม้ยามเช้าหลังพระอาทิตย์เพิ่งขึ้นพ้นจากขอบฟ้า 

เดินชมรีสอร์ท

เดินออกมาจากสะพานไม้มาชมรีสอร์ทกันบ้างนะครับ ซึ่งผมคิดว่าที่รีสอร์ทจัดวางพื้นที่ได้สวยงามดีเลยล่ะครับ เริ่มจากส่วนกลางที่เป็นทั้งส่วนต้อนรับ ห้องอาหาร พื้นที่สันทนาการต่างๆ แม้ดูเก่าไปบ้าง แต่ก็ยังดูสวยงามครับ 


บ้านพักที่ติดทะเลมีหลายแบบครับ มีทั้งพัดลมและห้องแอร์

มาถึงส่วนของสะว่ายน้ำ (ซึ่งผมไม่ได้ใช้บริการเลย) ซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับส่วนกลาง และมีห้องพักบางประเภทบริเวณนี้ด้วยครับ ซึ่งมีบริการเครื่องดื่มที่บาร์ และศาลานวดแผนไทยด้วยครับ


อาหารเช้า

จากนั้นก็ได้เวลาทานอาหารเช้า ซึ่งให้บริการตั้งแต่ 07:00 - 10:30 น.ซึ่งอาหารก็หลายหลายพอสมควรครับ มีทั้งข้าวต้ม ข้าวผัด ขนมปัง ไข่ดาว ออมเล็ต สลัด ขนมต่างๆ และก๋วยเตี๋ยวทำสดๆ ครับ

ได้เวลาข้ามไปเที่ยวเกาะขามต่อ ติดตามได้รีวิวหน้านะคะครับ

เกาะหมาก....ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ข้อมูลที่พักพร้อมราคา

จอง เกาะหมากโคโค่เคป จอง เกาะหมากโคโค่เคป
ขอบคุณเรื่องราวและภาพถ่ายสวยๆ จากคุณ The Cloud 

เรียบเรียงโดย BlackPearl