อีสานแซบเวอร์@นครพนม – มุกดาหาร

ททท.พาเที่ยวอีกแล้วค่ะ รอบนี้พาเราเดินทางร่วมทริปไปกับขบวน อีสานแซบเวอร์@นครพนม-มุกดาหาร สองจังหวัดนี้ขอบอกว่าเที่ยวเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ เพราะมีทั้งแหล่งกิน แหล่งชอป แหล่งเที่ยว เรียกว่าหลากหลายและน่าสนใจทั้งนั้นเลย

ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ แต่อัดแน่นด้วยคุณภาพแบบเต็มพิกัด เรียกว่ากลับจากทริปนี้แล้วใครอยากได้ข้อมูลกิน ดื่ม เที่ยว ที่ไหนใน 2 จังหวัดนี้ เราสามารถแนะนำได้เป็นต่อยหอยเลยล่ะ

การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้นที่ จ.นครพนม ค่ะ และจุดเช็กอินแรกก็อยู่ที่ พระธาตุพนม พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองนครพนม ซึ่งประดิษฐานภายในวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นสถานที่เคารพสักการะทั้งของชาวไทยและชาวลาว ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า 

ด้วยความศักดิ์สิทธิ์นี้ หลายคนจึงมีความเชื่อว่าถ้าใครได้มานมัสการพระธาตุครบ 7 ครั้ง จะถือว่าเป็นลูกพระธาตุ และเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต สำหรับเราแล้วเคยไปตอนเด็กๆครั้งหนึ่ง รวมกับครั้งนี้ก็ยังนับได้แค่ 2 ถ้าจะให้ครบ 7 ครั้ง เพื่อความเป็นสิริมงคลคงต้องหาเรื่องไปอีก 5 ครั้งซะแล้วล่ะ และนอกจากนี้พระธาตุพนมยังถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิด ปีวอก และเป็นพระธาตุประจำวันเกิด วันอาทิตย์อีกด้วย 


สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จก็ได้เวลาของนักชิมอย่างเราๆ แล้วค่ะ กับที่หมายต่อไปคือ กาละแมทูลใจ กาละแม OTOP ขึ้นชื่อประจำจังหวัด ที่นี่ถือเป็นเจ้าแรกๆ ของอำเภอธาตุพนมที่ผลิตกาละแม ส่วนสูตรก็มีการสืบทอดภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ หากนับถึงวันนี้ก็มีชื่อเสียงมานานกว่า 50 ปีแล้วค่ะ


กาละแมทูลใจมีความโดดเด่นจากที่อื่นๆ สังเกตุได้จากลักษณะจะเป็นก้อนสีดำเหนียวนุ่ม รสชาติหวานมัน ห่อใบตองที่รีดด้วยเตาถ่านแบบโบราณ กลัดด้วยไม้กลัดทำจากไม้ไผ่อันเล็กๆ และที่พิเศษยิ่งกว่าคือสามารถคงไว้ซึ่งความเหนียวได้นานและไม่แห้ง เวลาทานจะสัมผัสได้ถึงความหนึบ นุ่ม และหอม แถมรสชาติยังอร่อยไม่หวานบาดคออีกด้วย

สำหรับใครที่อยากชิมหรือดูวิธีการทำกาละแมด้วยตัวเองก็ไปได้ที่ ร้านกาละแมทูลใจ ตั้งอยู่เลขที่ 49 ม. 14 ถ.พนมพนารักษ์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม อยู่ไม่ห่างกับวัดพระธาตุพนมมากนัก สอบถามเพิ่มเติมที่ 0 4254 1220


เจอของดี ของเด็ดเมืองนครพนมไปแล้ว เราก็พร้อมลุยต่อทันที พอรวมพลกันเรียบร้อย หัวขบวนทัวร์ก็พาไปที่สามแยกบ้านต้อง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แล้วหยุดที่ร้าน Sweet Home ร้านอาหารเต็มรูปแบบ บริการในหลากหลายเมนู ทั้งอาหารไทย จีน ฝรั่ง รวมทั้งเค้ก กาแฟสด และเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟอย่างครบครันอีกด้วย


เพราะเชื่อว่าการรับประทานอาหารเป็นวิถีวัฒนธรรมของมนุษย์ ร้านนี้จึงใส่ใจกับการเลือกสรรวัตถุดิบที่ต้องมีคุณภาพ สดใหม่ พิถีพิถันทุกขั้นตอนและทุกจาน ซึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ แกงขั้วหอยขม หอยเชลล์ผัดซอส หน่อไม่ฝรั่งผัดซอส ปลานึ่งบ้วย ข้าวผัดอเมริกัน แต่ละเมนูนั้นก็เด็ดสมกับคำร่ำลือจริงๆ ไปแล้วแทบจะอยากโทรตามเพื่อนฝูงให้ไปร่วมสังสรรค์ หรือถ้าใครถนัดจัดสัมมนาทางร้านก็มีพื้นที่รองรับค่ะ


ช่วงเวลาทัวร์ยังไม่หมด แต่เมื่อค่ำคืนระหว่างทางมาเยือนเราเลยได้แวะพักกันที่ Anna Vana Resort & Spa โรงแรมสไตล์บูติคสุดหรูริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่นี่ถือว่าตอบโจทย์คนเดินทางอย่างเรามาก ด้วยอาคารที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ไทย-อีสาน สวยงามแปลกตา ชวนให้อยากพินิจมองนานๆตั้งแต่แรกเห็น


ภายในห้องพักครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เน้นการตกแต่งเรียบง่ายให้ความรู้สึกอบอุ่น ส่วนบรรยากาศภายนอกก็สวยงามด้วยวิวทิวทัศน์ริมฝั่งโขง มีวิถีชีวิตริมน้ำที่มีเสน่ห์ไม่ซ้ำแบบ พอเจอบรรยากาศที่นี่ที่เดียวก็ทำให้เราต้องถ่ายโอนไฟล์ภาพออกจาก Memory กล้องแทบไม่ทัน 

สนใจสำรองห้องพักที่โทร 0 4261 2111, 08 6459 6311 ที่ตั้ง 189 ถ.สำราญชายโขงใต้ ต.ศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.มุกดาหาร 49000



เมื่อเช้าวันใหม่เริ่มขึ้น การได้ทักทายพระอาทิตย์ที่ริมน้ำโขง พร้อมเก็บภาพบรรยากาศในแสงสีที่ต่างจากค่ำคืนที่ผ่านมาดูจะเป็นกิจกรรมหลักระหว่างรอความพร้อม พอได้ภาพกันหนำใจแล้วขบวนของเราก็ไปต่อกันที่ ห้าแยกเวียดนาม เห็นห้าแยกที่นี่แล้วรู้สึกแตกต่างจากห้าแยกในกรุงเทพเป็นอย่างมาก ด้วยรถราที่ไม่หนาแน่นมาก บ้านเรือนยังดูมีชีวิตชีวาและแฝงไปด้วยความสดใสในยามเช้า และที่นี่เองที่เราจะมาฝากท้องชิมของอร่อยกันค่ะ


บริเวณห้าแยกนี้มีชุมชนชาวเวียดนามอาศัยอยู่มานาน ร้านบางร้านจึงสืบทอดต่อสูตรความอร่อยกันมาหลายรุ่น แต่รสชาตินั้นก็ยังเป็นที่นิยมของชาวมุกดาหาร รวมทั้งแขกผู้มาเยือนอย่างเราๆ ที่นี่ถือเป็นตลาดอาหารเช้าที่ขึ้นชื่อ หากมาในช่วงเช้าตรู่ก็จะได้ลิ้มรสอาหารพื้นเมืองมากมาย อาทิ ข้าวต้มเส้น หรือข้าวเปียกเส้น หรือที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือก๋วยจั๊บญวน, แป้งจี่หรือบักเต (ขนมปังญวน), บั่นก๋วน หรือข้าวเกรียบปากหม้อแบบญวน, เลือดแปลง หรือเตี๋ยวเก็น (วุ้นเลือดหมูสด), หมูยอ, ไส้หมูลวกจิ้ม, ขนมเหนียว, ข้าวต้มไส้หมู (จ๋าวหล๋อง) นี่แค่เบาๆค่ะ ถ้าไปถึงถิ่นยังมีให้ชิมอีกเยอะ สรุปมื้อนี้อิ่มแปล้สไตล์เวียดนามกันไปเลยค่ะ 


จากห้าแยกเวียดนาม เรามุ่งหน้ามาที่ถนนทางหลวงหมายเลข 2034 เพื่อไปเยือนสถานีต่อไปคือ หอแก้วมุกดาหาร ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ลักษณะของหอแก้วมุกดาหารนั้นจะเป็นหอคอยรูปทรงกระบอกสูง 7 ชั้น 


ภายในมีพื้นที่จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตของชาวมุกดาหาร พิพิธภัณฑ์ประวัติเมืองมุกดาหาร วัตถุโบราณ ภาพถ่ายเก่า ตลอดจนเครื่องแต่งกาย และหอชมวิว ส่วนชั้นบนสุด มีพื้นที่จำกัด ตรงกลางประดิษฐานพระนวมิ่งมงคลมุกดาหารพร้อมโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งประชาชนสามารถไปไหว้สักการะได้


สำหรับเราแล้วคิดว่าหอแก้วมุกดาหาร คือบทบันทึกฉบับย่อที่ทำให้รู้จักเมืองมุกดาหารมากขึ้น ถ้ามามุกดาหารแล้วไม่มีเวลาตระเวณทั่วเมือง มาที่นี่ที่เดียวก็รับรองได้ว่า ได้เห็น ได้รู้ ครบทุกเรื่องเลยค่ะ และส่วนที่ประทับใจมากที่สุดคือ การได้เห็นเมืองมุกดาหารในอีกมุกมมองหนึ่ง ณ หอชมวิว ซึ่งนอกจากจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของมุกดาหารในมุมสูง แบบสุดลูกหูลูกตาแล้ว ยังได้เห็นบรรยากาศของเมืองไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต ในอีกฝั่งของแม่น้ำโขงด้วย


ออกแรงเที่ยวได้ไม่เท่าไหร่ ชักจะเริ่มคอแห้งแล้วค่ะ สงสัยตอนเช้าจะจัดของหนักที่ห้าแยกเวียดนามไปเยอะ แต่ด้วยความน่ารักของหัวหน้าทริป ที่พอได้ยินเราบ่นกระหายปุ๊บก็จัดมุมเบรกให้เราปั๊บเลยที่ goodmook* สถานที่ที่จะทำให้คุณรู้สึกดี แต่จะดีแค่ไหนคงต้องพิสูจน์กันหน่อยค่ะ


goodmook* เป็นร้านแนวๆที่มีอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายเมนู รวมทั้งยังมี ของกิน ของฝาก ของสะสม รวมทั้งเสื้อยืดและโปสการ์ด ในสไตล์เก๋ๆ ให้เลือกซื้อเลือกชมกันด้วยค่ะ หรือถ้าใครอยากชมเมืองมุกดาหารแบบชิลล์ๆที่นี่ก็มีบริการให้เช่าจักรยานและรถมอเตอร์ไซค์ค่ะ ไปมุกดาหารเมื่อไร ลองแวะดูนะคะ รับรอง ชิลล์มากเลยแหละ และถ้าใครอยากรู้พิกัดที่ตั้งของร้านนี้โดยละเอียด ลองโทรสอบถามกันได้ค่ะที่ โทร 0 4261 2091


มามุกดาหารทั้งที ถ้าไม่แวะชอปของใช้ ซื้อของฝาก ก็คงจะถือว่าเสียเที่ยว และคงโดนคนที่บ้านประณามแน่โทษฐานที่ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับไป ขบวนของเราเลยเคลื่อนตัวห่างจากร้าน goodmook* มานิดหน่อย แล้วจอดป้าย ตลาดสินค้าอินโดจีน สำหรับหลายท่านอาจรู้จักที่นี่ดีอยู่แล้ว และคงมีโอกาสได้มาละลายทรัพย์กันบ้าง แต่ถ้าใครยังไม่เคยมา ก็ลองติดตามเรื่องราวของที่นี่กันเลยค่ะ เผื่อได้ไปเมื่อไร จะได้กะเกณฑ์เงินในกระเป๋าให้พร้อมสำหรับการชอปได้ถูก


ตลาดอินโดจีน เป็นแหล่งชอปปิงใจกลางเมืองมุกดาหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีนานาสินค้าราคาถูก ที่มาจากทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ตัวตลาดแบ่งเป็นหลายโซนตามประเภทของสินค้า และมีชั้นใต้ดินด้วย ไปแล้วอย่าลืมแวะไปดูนะคะ ส่วนสินค้าก็มีตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ในบ้านในครัวเรือน เสื้อผ้า อาหารการกิน ของที่ระลึกต่างๆ เรียกได้ว่าอยากได้อะไรให้มาที่นี่ มีหมดเลยค่ะ 

บรรยากาศของตลาดอินโดจีนจะคึกคักและคาคั่งด้วยนักชอป นักท่องเที่ยวตั้งแต่เช้าจนเย็น ซึ่งนอกจากจะมีมุมชอปปิงแล้ว ยังมีมุมชมวิวและมุมถ่ายภาพริมน้ำโขง เอาไว้เป็นหลักฐานว่า “ฉันมาถึงมุกดาหารแล้วนะ” ไปอวดคนที่บ้านด้วย


สถานีสุดท้ายสำหรับการเดินทางครั้งนี้สิ้นสุดที่ สะหวันสำราญ มาที่นี่เราได้ยินประโยคหนึ่งว่า “ที่ซึ่งความโรแมนติกของสายน้ำ แกล้มด้วยความงามของวันวาน” ได้ฟังแล้วมันใช่เลยค่ะ และไม่ต้องมีคำบรรยายอะไรเพิ่มก็เห็นภาพชัดอยู่แล้ว


สะหวันสำราญ คือที่พักแสนเก๋ โดดเด่นด้วยอาคารโทนเหลืองขาว ตัดกับท้องฟ้า ให้ความรู้สึกสวยงามสดใสยามเช้า และโรแมนติกยามเย็น ที่นี่มีห้องพัก 6 สไตล์ 6 อารมณ์ รวมทั้งมุมอาหาร กาแฟ และเครื่องดื่มหลากชนิด 

สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้จากการมาเยือนที่นี่คือความรู้สึกอิ่มอุ่น และโรแมนติก ชวนให้หลงใหลอยากอยู่ต่อนานๆ แต่ด้วยเวลามีจำกัด เลยทำได้เพียงแวะพักทานอาหาร และถ่ายรูปเก็บไว้ในกล่องแห่งความประทับใจค่ะ 

ที่ตั้งสะหวันสำราญคือ 199 ถ.สำราญชายโขงใต้ ต.ศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.มุกดาหาร โทร 0 4263 2669 


สิ้นสุดทริปอีสานแซบเวอร์ @ นครพนม – มุกดาหาร ทริปนี้เต็มไปด้วยความประทับใจ และเรื่องราวใหม่ๆที่น่าสนใจ สำหรับเราแล้วคิดว่าจังหวัดริมฝั่งโขงทั้ง 2 นี้ มีอะไรมากกว่าที่เราเคยได้ยินและสัมผัสมาก่อนมาก ต้องขอบคุณตัวเองที่ยอมเปิดมุมมอง และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ไปสัมผัส และที่สำคัญคือขอบคุณไกด์นำเที่ยวที่ยอดเยี่ยมอย่าง ททท. ด้วยค่ะ แล้วพบกับมุมมองใหม่ๆของการเดินทางในครั้งหน้านะคะ