Banner Placeholder
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4

ออกไปหลง...มนต์เสน่ห์เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง [3วัน 2 คืน]

ออกไปหลง...มนต์เสน่ห์เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง [3วัน 2 คืน]



..... บางครั้งการออกไปเที่ยวก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก แค่หยิบกระเป๋า เก็บเสื้อผ้า จองตั๋ว จองที่พัก และที่สำคัญเงินพร้อม ก็ออกไปเที่ยวได้เลย หากรอเวลา ก็คงไม่ได้เที่ยว อารมณ์เดียวกับการรอคำตอบจากใครซักคน? ว่าจะไปต่อหรือไม่ไปต่อกันแน่....ค้างคาในใจ T_T..... หลวงพระบาง เมืองเพื่อนบ้านของเรา เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยตึกเก่าสไตล์เฟรนช์โคโลเนียลสุดคลาสสิก และคงมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายอยู่ ทริปนี้เป็นสายอนุรักษ์ พักแบบสบายๆ แต่ไม่พลาด Signature ของหลวงพระบาง ตักบาตรข้าวเหนียว เที่ยวน้ำตกตาดกวางสี แวะไปชิมส้มตำหลวงพระบางเจ้าดัง ที่เขาว่ากันว่า ถูกปากคนไทยที่สุด แอบเกริ่นหน่อยว่า เราได้ไปทำกิจกรรมใหม่ๆ และพิเศษหลายอย่าง บอกเลยว่า หลายคนยังไม่เคยได้สัมผัสแน่นอน! พร้อมแล้ว ออกไปหลง...รักหลวงพระบางกัน!
 

DAY 1 เริ่มด้วยการเดินทาง ครั้งนี้เราเลือกเดินทางกับสายการบิน AIR ASIA ที่บินตรงสู่หลวงพระบางทุกวัน สะดวกมากขึ้น ราคาก็ไม่แพงมาก ลดระยะเวลาเดินทาง เพิ่มเวลาเที่ยวมากขึ้น มาถึงก็เช็คอินกันก่อน ที่ดอนเมือง อาคาร 1 ขาออกต่างประเทศ
 

 

!!!! TADAAAA ฝนตกหนักมาก ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ก็ทำให้ได้คิดอะไรไปเรื่อยๆ ทั้งวางแผนเที่ยว หรือ เรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา 
 

 

เมื่อฝนก็เบาลง ก็ได้เวลาเดินทางไปสู่เมืองหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ต้องย้าย GATE กันนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาอะไร รอเจอหลวงพระบางไม่ไหวแล้ว
 

ผมตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเป็นครั้งแรกที่จะบุกหลวงพระบาง นี่ก็คือวิว ระหว่างอากาศไปหลวงพระบาง 
 

ถึงแล้วหลวงพระบาง ก่อนเข้าเมืองก็ต้องเขียนใบผ่าน ตม. สปป.ลาว ก่อน เพื่อข้ามด่านเข้าเมืองหลวงพระบาง
ทริปนี้ ได้มีโอกาสนอนที่พักดีๆ อย่าง Pullman Luang Prabang Resort & Hotel ในเครือ accor hotels ที่นี่เป็น Pullman แห่งแรกในประเทศลาวด้วย! มาถึงก็เช็คอิน พนักงานเสิร์ฟด้วย Welcome Drink และขนมมาการอง เดินทางมาเหนื่อยๆ สดชื่นเลยครับ
หลังจากพักหายเหนื่อยก็เดินทางไปห้องพัก ห้องที่ผมพักเป็น Premium Deluxe ใหญ่มาก นอนกลิ้งได้ 360 องศาแบบสบายๆ ผมคิดว่า “บางครั้งการมาเที่ยวแล้วได้นอนที่พักดีๆ สบายๆ ก็ทำให้มีแรงในการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น” 
เช็คอิน เก็บของเรียบร้อย อย่าให้เสียเวลา บุกหลวงพระบางกันเลย จุดแรกที่จะไปคือ พระธาตุพูสี จุดชมวิวหลวงพระบาง 360 องศา และ ชมพระอาทิตย์ตก ที่นี่เป็นที่ตั้งของพระธาตุจอมสี เดินขึ้นบันได 328 ขั้น ตลอดทั้งเส้นทางขึ้นจะพบกับต้นจำปา ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำ สปป.ลาว ตัวยอดพระธาตุตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำโขง ค่าเข้าชม 20000 กีบ ราว 80 บาท แนะนำอีกนิด ให้เราเดินขึ้นฝั่งที่ติดกับแม่น้ำคาน เพราะขาลงเราจะเจอกับถนนคนเดินหลวงพระบางพอดี 
ระหว่างเดินขึ้น จะพบจุดพักไหว้พระตลอดทาง พอให้พักหายเหนื่อย
บรรยากาศระหว่างรอพระอาทิตย์ตก และวิวรอบเมืองหลวงพระบาง
ขาลง ให้เดินลงอีกฝั่งเพราะปลายทางเราจะเจอกับถนนคนเดินกลางคืนของหลวงพระบาง
จุดนี้เราสามารถถ่ายรูปพระราชวังหลวงพระบางได้ เป็นมุมฮิตที่จะมีภาพระราชวังตัดกับหลังคาเต็นท์บนถนนคนเดินพอดี นั่งพักให้หายเหนื่อยกันก่อน รอเวลาลุยถนนคนเดินหลวงพระบาง
ฟ้าเริ่มมืด แดดเริ่มตก ถนนคนเดินเริ่มคึกคัก ใครจะหาของฝาก ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาเดิน เพราะส่วนใหญ่เป็นของฝากเป็นหลัก ตั้งแต่ของเล็กยันของใหญ่ เป็นงานฝีมือชาวหลวงพระบาง หลังจากชอปปิ้งเรียบร้อย ผมจะพาไปบุกตรอกของกินลับ ที่ถ้าคุณไม่สังเกตก็อาจเดินผ่านไปได้
ร้านของฝากเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลยคุณ
ไปแวะตรอกของกินลับกัน ให้คุณสังเกตุหน้าตรอกจะมีร้านน้ำปั่นผลไม้ตั้งอยู่ พอเดินเข้าไปเท่านั้นแหละ ของกินเพียบ!!
ใครอยากจัดส้มตำไก่ย่าง ปลาย่าง ลาบ น้ำตก จบในซอยเดียว แต่ที่มันเจ๋งกว่านนั้น!!คือ มีบุฟเฟต์ด้วยคุณ อย่างเท่ห์เลย แต่อาหารที่เป็นบุฟเฟต์จะเป็นพวกผักผลไม้ หรือผัดเส้นต่างๆ ที่ไม่มีเนื้อ
ของกินเพียบ บุฟเฟ่ต์ จัดหนักสำหรับสายคลีน คืนนี้อิ่มแน่
DAY 2 เช้านี้ผลักตัวเองออกจากเตียงตื่นตีห้า พร้อมเดินทางไป “ตักบาตรข้าวเหนียว” กิจกรรม Signature ของเมืองหลวงพระบาง คุณสามารถแจ้งทางโรงแรมที่พักว่าให้จัดการข้าวเหนียวไว้ตักบาตรให้ด้วย ค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่ที่ไป ส่วนที่ Pullman ได้จัดที่ให้บริเวณหน้าโรงแรม 3Nagas ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือเดียวกันในทุกๆ เช้าของทุกวันจะมีพระและสามเณรจากวัดต่างๆ มาเดินบิณฑบาตนับร้อยรูป 
ตักบาตรแค่ข้าวเหนียวเท่านั้นนะครับ ส่วนกับข้าวชาวบ้านจะนำไปถวายที่วัด ไม่ต้องกลัวพระจะได้กินแต่ข้าวเหนียวนะ
ตักบาตรเสร็จก็แวะไปเดิน “ตลาดเช้าหลวงพระบาง” หาอะไรกินกันหน่อย ส่วนใหญ่ของในตลาดเช้าจะเป็นของสด และชาวหลวงพระบางมักจะมาซื้อของกันต่อหลังจากตักบาตรเสร็จแล้ว วิถีชีวิตที่เรียบง่าย ทำให้เมืองหลวงพระบางมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
และนี่คือสิ่งที่ค้นหายามเช้า เพื่อการดำรงชีวิต นั้นก็คือของกิน ฮ่าๆ สิ่งแรกที่ลองไม่แน่ใจว่าเรียกอะไร แต่เหมือนกินข้าวต้มมัดบดผสมมะพร้าวขูดโรยน้ำตาล อร่อยมาก
ข้าวจี่ของหนักท้องยามเช้า ที่รับรองว่าได้กินแล้วมีแรงยันเที่ยง!!
ตบท้ายด้วยร้านกาแฟยอดฮิตประชานิยม และขนมที่ได้ยินชื่อแล้วต้องหันไปมองเพื่อน ฮ่าๆ “ขนมดอกทอง” ข้างในเป็นถั่วผสมกะทิแล้วนำไปทอด อร่อยมาก
อิ่มท้อง เท้ามีแรง แวะไปแลกเงินกันก่อนแล้วค่อยลุยต่อ สำหรับคนที่ถามว่า ควรใช้เงินอะไรดี จะใช้เงินบาท หรือ เงินดอลล่า ก็ได้ครับ ส่วนตัวผมแนะนำเงินกีบครับ เพราะใช้ง่ายกว่า แต่ถ้าหากจะกด ATM ก็ได้ ค่าธรรมเนียม 100 บาท แลกตามเรท ณ เวลานั้นเลยครับ 
ไม่เคยจับเงินเยอะขนาดนี้มาก่อน แลกทีรวยกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ
จุดต่อไปอยู่ติดกับตลาดเช้าพอดี เดินนิดเดียวถึงเลย “วัดใหม่สุวรรณภูมาราม” เป็นวัดคู่บ้าน คู่เมืองหลวงพระบางมานาน ภายในมีพระประธานองค์ใหญ่ตั้งอยู่ ผนังอุโบสถจะมีพระพุทธรูปติดรอบผนังทั้งหลังเป็นหมื่นองค์ สำหรับคนชอบอธิฐาน จะมีฆ้องยักษ์ให้อธิฐาน เค้าว่ากันว่า หากอธิฐานขอพรต่างๆ แล้วลูบฆ้องเสียงดังก้องขึ้นมาคำอธิฐานจะเป็นจริง!! วัดใหม่มีค่าเข้าชม 10000 กีบ ประมาณ 20 บาท ครับ
ลูบหน่อย ขอพรไว้ ฮ่าๆ เผื่อเป็นจริง
ไหว้พระเสร็จนั่งรถไปต่อ “น้ำตกตาดกวางสี” ระหว่างทางก็มีฝนพรำ ช่วยให้อากาศร้อนๆ ดีขึ้นมา
ก่อนถึงน้ำตกเราจะผ่าน “Laos Buffalo Dairy” เป็นฟาร์มรีดนมควายโดยเฉพาะ ที่หลวงพระบางควายเรียกได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจเลยนะครับ เมนูพิเศษส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อควาย และทำมาจากนมควาย ที่นี่จะรับเช่าควายจากชาวบ้านมาเลี้ยงเพื่อรีดนม ผสมพันธ์ และส่งคืนชาวบ้าน ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดทำมาจากนมควายทั้งหมด มีไอติมนมควาย ชีสนมควาย มีขายที่หน้าฟาร์ม อร่อยไม่มีกลิ่นคาวเลย หากใครจะทัวร์แบบผมค่าใช้จ่าย 50000 กีบ ก็ประมาณ 200 บาทครับ
พี่ที่ดูแลฟาร์มพูดภาษาอังกฤษพูดสลับกับภาษาลาว ปร๋อเลย ฟังแถบไม่ทัน ฮ่าๆ 
แวะคุยกับน้องควายตามประสาเพื่อนเก่า แล้วก็ชิมชีสนมควาย โดนัทชีสนมควาย และไอติมนมควาย อร่อยยยยยยยย 
ถึงแล้ว “น้ำตกตาดกวางสี” ห่างจากเมืองหลวงพระบางประมาณ 30 กิโลเมตร ที่นี่เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง น้ำใสมาก มีสะพานทอดผ่านระหว่างน้ำตก เป็นมุมฮิตสำหรับถ่ายรูป ส่วนค่าเข้าชมน้ำตกตาดสีกวาง 20000 กีบ หรือ 40 บาทครับ ที่นี่ยังเป็นศูนย์อนุรักษ์หมี และรณรงค์การฆ่าหมีเพื่อเป็นอาหารอีกด้วย เดี๋ยวผมจะพาเดินไปหาน้องหมี
ระหว่างทางขึ้นน้ำตกจะเจอศูนย์อนุรักษ์ช่วยเหลือหมี “Free The Bears” เป็นศูนย์รับเลี้ยงหมีที่ถูกล่า และ พ่อแม่โดนฆ่าทิ้ง ทางศูนย์จะนำมาเลี้ยงดู พร้อมกับรณรงค์ไม่ให้ฆ่าหมีเพื่อเป็นอาหาร เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ยังมีกลุ่มที่เชื่อว่าการกินหมีทำให้ร่างกายแข็งแรง ศูนย์จึงต้องรณรงค์อย่างต่อเนื่อง งานนี้ผมได้มีโอกาสกรอกอาหารให้น้องหมีด้วย ไม่ได้เจอเพื่อนนานทักทายเพื่อนหน่อย
 

จะนอนกินสบายไปแล้วนะ เพื่อนหมี!!
 

หลังจากให้อาหารและคุยกับเพื่อน (หมี) เสร็จเรียบร้อย เดินไปอีกนิดก็ถึงน้ำตกตาดกวางสี
น้ำตกสวยมากๆ ครับ อากาศเย็นกำลังดี หายเหนื่อยเลย
หากต้องการเล่นน้ำตก ต้องเดินลงไปนิดหน่อย จะมีจุดให้ลงเล่นน้ำได้ครับ
ถ่ายรูปจนเหนื่อย ได้เวลาของการกินแล้ว เดินลงมาไม่ไกลจากน้ำตกมากจะเจอ ร้าน “Carpe Diem Restaurant” ร้านอาหารบรรยากาศดีมีน้ำตกไหลผ่าน หากใครทาน Vegan ที่นี่ก็มีให้เลือกทานด้วยครับ
สำหรับผมขอจัดหนัก เพราะบ่ายนี้ต้องเจอกับเพื่อนตัวใหญ่ จะเป็นใครโปรดติดตาม...
 

อิ่มท้องพร้อมไปต่อ สายอนุรักษ์ก็ไม่ควรพลาด เราเดินทางไปที่ “Manda Lao” ที่นี่ไม่ใช้ปางช้างธรรมดา แต่ “มันดาลาว” ก่อตั้งมาเพื่อดูแลช้างที่เกิดจากการใช้งานผิดๆ เช่นพาไปขี้ หรือไปเอนเตอร์เทนสร้างความสุขให้นักท่องเที่ยว หรือแก่จนใช้ไม่ได้ การมาที่ “มันดาลาว” เป็นการเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงการนำช้างมาใช้ในทางที่ผิด จะมาเที่ยวที่นี่ต้องจองล่วงหน้านะครับ
พี่ที่ดูแลช้างให้คำแนะนำอธิบายที่มาที่ไป รวมไปถึงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
ฟังจบพี่แกก็พาเราลงเรือข้ามแม่น้ำโขงไปอีกฝั่ง เพื่อไปเจอช้างและให้อาหาร รวมไปถึงพาช้างไปเดินป่าเพื่อศึกษาพฤติกรรม ทั้งการกิน การอาบน้ำ การอยู่อาศัย
จบทริปวันที่ 2 กลับไปพักพรุ่งนี้วันสุดท้ายยังเหลือเมนูเด็ด รอติดตามเลย
DAY 3 เช้าวันสุดท้ายแล้ว ก่อนออกเดินทางก็เติมพลังงานก่อน อาหารเช้าที่ Pullman มีหลากหลายทั้งเอเชียและตะวันตก แต่ผมนำเสนอ นี่เลย “เฝอ” ซดน้ำซุปร้อนๆ โล่งคอ ตามด้วยน้ำผลไม้ที่คั้นสดๆ สดชื่นมีแรง!
เริ่มต้นวันสุดท้ายด้วย “SAFFRON COFFEE” ร้านกาแฟที่เป็นสื่อกลางระหว่างชุมชน และ โลก! เป็นร้านที่เกิดจากการเห็นมูลค่าของเมล็ดกาแฟที่ชาวลาวผลิต SAFFRON จึงช่วยดูแลการผลิตทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์สูงสุด เมล็ดกาแฟที่นี่ถูกส่งไปยังโรงแรมต่างๆ ใน สปป.ลาว กาแฟอาราบิก้าหอมกรุ่นส่งตรงจากเกษตรกร ทำให้มีแรงขึ้นเยอะ ฝั่งตรงข้ามร้านสามารถนั่งดื่มกาแฟได้ มีแม่น้ำโขงเป็นวิวทอดยาว
เติมคาเฟอีนแล้ว เดินกันต่อ ระหว่างเดินทางไปยังอีกจุด ก็เก็บภาพบรรยากาศหลวงพระบางมาฝาก ไปคนเดียวขาตั้งกล้องไม่มี ก็ต้องวางกับพื้นแบบนี้แล
ตึกสไตล์เฟรนช์โคโลเนียล ที่ UNESCO ตั้งให้เป็นมรดกโลก ยังถูกคงสภาพเดิมไว้ การต่อเติมหรือสร้างอะไรขึ้นมา ต้องทำเรื่องเสนอไปยัง UNESCO เพื่อพิจารณาเสมอ เพราะทุกอย่างที่ต่อเติมต้องคงความสถาปัตยกรรมเก่าแก่เอาไว้ เราจึงเห็นได้ว่าจะมีการผสมผสานระหว่างเก่าใหม่ได้อย่างกลมกลืน
ไปต่อกันที่ “Bamboo Bridge” หรือ สะพานไม้ไผ่ ชาวลาวเรียกว่า “ขัวแตะ” ที่สร้างข้ามระหว่าง “แม่น้ำคาน” กับตัวเมืองหลวงพระบาง ใครจะลงไปถ่ายรูปมีค่าผ่านทางด้วยนะ ค่าผ่านทาง 5000 กีบ หรือประมาณ 20 บาท แต่ผมไม่ได้ลงไปเลยเก็บภาพห่างๆ มาฝาก
กำลังเดินเจอร้านเท่ห์ๆ อยู่ระหว่างทาง มีขนมหวานให้ชิม มีกาแฟให้ซด จบด้วยดูของเก่า ที่ Formula.B X Madame Boupha เดิมทีเปิดเป็นร้านขายของสไตล์ Antique ของเก่าอายุนับร้อยปี แต่ไม่นานมานี้ ลูกสาวได้เปิดคาเฟ่เล็กๆ ที่ชั้น 2 นั้นคือ Formula.B สไตล์ร้านเท่ห์ๆ เหมาะแก่การซดกาแฟ และ เดินชมของเก่า สามารถซื้อกลับได้นะครับหากชอบ
บรรยากาศภายในร้านชั้น1 มีของเก่ามากมายให้เลือกซื้อ บางชิ้นเก่า บ้างชิ้นใหม่
เดินขึ้นมาที่ชั้น2 จะเจอคาเฟ่ เล็กๆ ซ่อนอยู่ บรรยากาศเป็นกันเอง นั่งพักกินขนมหวาน ดื่มกาแฟกันก่อน ส่วนขนมเห็นว่าลูกสาวทำเองกับมือ 
สุดท้ายแล้ว! ออกไปหาตำหมากหุงร้านนี้เด็ดที่ว่ากันว่าถูกปากคนไทยอย่างเรา อดใจไม่ไหวอยากจัดเต็มที เดินไม่นานประมาณ 450 เมตร จากมาดามบุพผา ก็ถึง “ร้านตำหมากหุงเจ๊ติ๋ม” ร้านตั้งอยู่ในอาคารหลังเก่าที่ยังคงแบบเดิมเอาไว้
นี่คือเจ๊ติ๋ม เจ้าของรสมือส้มตำที่เค้าว่าเด็ด!
ว่าแล้วก็สั่งส้มตำหลวงพระบางมา ที่นี่เค้าใช้มะละกอเส้นใหญ่ ใส่กะปิ เจ๊ติ๋มบอกว่า เส้นใหญ่ๆ ช่วยให้ซึมซับรสส้มตำได้มากขึ้น ได้รสชาตเต็มที่ เข้มข้น ถึงว่าถูกปากคนไทยอย่างเรา ตามมาด้วยไก่ย่าง ที่นำไปทอดแล้วค่อยย่าง ทำให้หนังกรอบมาก อร่อยสุดๆ มาต่อกับไส้กรอกหลวงพระบาทรสชาตคล้ายๆ กับไส้อั่วทางเหนือบ้านเรา แต่รสไม่จัดเท่า ตบท้ายด้วย ไคแผ่นทอด เป็นสาหร่ายที่ได้มาจากแม่น้ำโขงนำมาตากแห้งโรยงา แล้วทอด อร่อยๆ อันนี้ชอบมาก
อิ่มสุดๆ สำหรับทริปนี้ หากมีโอกาสมาหลวงพระบางต้องลองส้มตำนะครับ จะร้านไหนก็ได้ ไม่ว่ากัน
….. หมดเวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลาเดินทางกลับไปเก็บของเตรียมเช็คเอาท์ ยังมีอีกหลายอย่าง ที่ยังไม่ได้ไปสัมผัส และคิดว่าคงต้องกลับมาอีกซักครั้ง แต่ตอนนี้กลับไปปั่นเงินก่อน แล้วค่อยออกไปลุยเที่ยวต่อ ฮ่าๆ
..... ผมได้บอกไว้ตั้งแต่ต้นทริป หากคิดจะเที่ยวก็ต้องออกไปเที่ยว ไปให้รู้ ไปให้ได้สัมผัส แล้วคุณจะเห็นความแตกต่างในชีวิต แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า ส่วนวันนี้สะบายดี....... 
 






Information

OPEN

- ไม่พบข้อมูล

TEL

- ไม่พบข้อมูล

PRICE

- ไม่พบข้อมูล

ADDRESS

- ไม่พบข้อมูล

FACILITIES

- ไม่พบข้อมูล

CONTACT

- ไม่พบข้อมูล

SHARE

share

#hashtag

RELATED