Banner Placeholder
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4

ภูสอยดาว...ในวันที่ฝนพรำ

ภูสอยดาว...ในวันที่ฝนพรำ


อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม ตำบลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะแก่การเดินทาง โดยเฉพาะในฤดูฝน ตามไปดู EnLady_Banban สมาชิกพันทิปดอทคอม ไปเที่ยวกันดีกว่าใครชอบแนวนี้เตรียมเก็ยกระเป๋าไปพิชิต ภูสอยดาวกันเลย

_________________________

สวัสดี!!!....วันนี้กลับมาอีกครั้ง กับการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวในหน้าฝน ที่อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง.....แล้วคุณจะหลงรัก "ภูสอยดาว" เช่นเดียวกับเรา

รีวิวครั้งนี้ ขอแบ่งเรื่องราวออกเป็นตอนๆ แล้วกันเน๊อะ....และคงไม่มีรายละเอียดอะไรมาก ขอเน้นไปที่การบอกเราเรื่องราวประสบการณ์การเดินทาง ที่เป็นเสมือนกับบันทึกการเดินทางเล็กๆ น้อยๆ ของเราเอง...พร้อมกับรูปภาพประกอบแบบจุใจแทนแล้วกัน
ตอนที่ 1 "ไปไง....มาไง"
ตอนที่ 2 "สารพัดเนิน....เพลินๆ กันไป"
ตอนที่ 3 "สวยจนน่าใจหาย"
ตอนที่ 4 "ก่อนฝนกระหน่ำ"
ตอนที่ 5 "เช้าของวันใหม่....สดใสชุ่มฉ่ำ"
ตอนที่ 6 "เดินข้ามประเทศ"
ตอนที่ 7 "หมอกจางๆ หรือควัน"
ตอนที่ 8 "ดอกหงอนนาค ณ. ลานสน"
ตอนที่ 9 "กลับบ้านกันเถอะ"
ตอนที่ 10 "เบื้องหลังของความสุข....อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด"
ตอนที่ 11 "ทิ้งท้าย....ก่อนลา"

______________________________

ตอนที่ 1......."ไปไง....มาไง".......

ทริปนี้ออกเดินทางวันที่ 30/07/58 เวลา 22.30 น. จาก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มุ่งสู่ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก-อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจากคนขับเหยียบ 120-130 กม/ชม. มาตลอดทาง เลยทำให้มาถึง จ.พิษณุโลกเร็วกว่าที่คิด (เวลาประมาณ 02.30 น.) บวกกับเริ่มหิวกันแล้ว จึงแวะกินข้าวที่ สถานีขนส่งพิษณุโลก (เนื่องจากหาร้านตลอดข้างทางไม่เจอจริงๆ) หลังจากอิ่มหนำสำราญ เบิกบานใจ ก็ลุยกันต่อเลย พวกเราตัดสินใจ แวะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ อช.ภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

ไปถึง ภูหินร่องกล้า เวลาประมาณ 05.30 น. พักผ่อนเอาแรง รอพระอาทิตย์ขึ้น แต่เพิ่งมารู้ทีหลัง อ่อ!!.....ฝั่งนี้ทิศตะวันตกจร้า แล้วพระอาทิตย์ที่ไหนจะมาขึ้นเล่า โอ๊ยยย!!! ปวดใจ.....เลยเดินเที่ยวบริเวณลานหินแตก ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกเล็ๆน้อยๆ ตั้งใจจะไปประทับตราในพาสสปอร์ตสะสมตราประทับของอุทยานแห่งชาติ แต่ไม่รู้จะไปประทับตราได้ทีไหน ผู้คนก็หายไปไหนกันหมดไม่รู้ แห้วตามเคย เสียดายจัง T_T


ตอนที่ 2......."สารพัดเนิน....เพลินๆ กันไป".......

เมื่อมาถึง อช.ภูสอยดาว ก็จัดแจงสัมภาระให้ลูกหาบชั่งน้ำหนัก ติดต่อเรื่องเช่าเต้นท์ ถุงนอน กับเจ้าหน้าที่อุทยาน ราคาลูกหาบ กก. ละ 35 บาท ส่วนเต้นท์เราเช่าเต้นท์แบบนอนได้ 3 คน เช่าเหมาแบบรวมค่าลูกหาบ ขึ้น-ลง รวมถุงนอน หมอน แผ่นรองนอน ในราคา 900 บาท (เครื่องนอนสำหรับ 3 คน)....ขาขึ้นเตรียมน้ำดื่มไปคนละ 1.5 ลิตร พร้อมขนมหวาน แบกเป้ของส่วนตัวกันคนละใบ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะขับรถพาไปส่งที่ บริเวณน้ำตกภูสอยดาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก....พร้อมแล้ว จะรออะไรล่ะ ลุยกันเลย
แผนที่แสดงความชัน และระยะทาง (ยืมมาจาก Google)
แถวๆ นี้ เจอตะขาบด้วย ตัวใหญ่มาก แต่มันไม่ทำอันตรายเราหรอก ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับมันก่อน เดินระวังๆ แล้วกันเนอะ ถ้าเห็นก็เลี่ยงๆ มันไป ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย ^^
ถึงแล้ว เนินส่งญาติ.....บายยยย กลับไม่ทันแล้วช่ายม้ายยยย!!
เห้อออ!!....พักกันเถอะ ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ป้าจะเป็นโลมมมมม
ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว บลาๆๆๆๆ.....สเบียง ทั้งหลายแหล่ที่เตรียมมา เสกมันลงท้องให้หมด ลดน้ำหนักสัมภาระ ไปได้เยอะ!!
พร้อมแล้วก็ลุยกันต่อเลยจร้า...
.......เนินปราบเซียน......ปราบจริงๆ เห้อ!!
ณ.จุดนี้....มีคนร้องกลับบ้าน แต่พี่มาไกลแล้วน้องเอ้ย!! (หลอกคนมาเดินป่า 555++)
.......เนินป่าก่อ.......
.......เนินมรณะ (ภาพ).......เป็นเนินที่วิวสวยที่ดี อากาศดี๊ดี แต่ก็ทรมานที่สุดเช่นกัน

ตอนที่ 3....... "สวยจนน่าใจหาย".......

เมื่อขึ้นมาถึงจุดนี้....อยากบอกว่า มันสวยจนน่าใจหาย จริงๆ สูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอด อากาศบริสุทธิ์ ฟุ้งไปด้วยหมอก ละอองน้ำ ไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่มันฟิน จนลืมความเหนื่อยไปเลยล่ะ จริงๆนะ ไม่ได้โม้!! (กรุณาอ่านเป็นเสียงพี่สมรักษ์ คำสิงห์ 555++)
สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเที่ยว.....แวะถ่ายกับป้ายกันหน่อย เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง ^^

ตอนที่ 4......."ก่อนฝนกระหน่ำ".......

หลังจากขึ้นมาถึงลานสน ด้วยสภาพสะบักสะบอม ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องเต้นท์ เช่าถังน้ำ รับของจากลูกหาบ แล้วก็จัดแจงอาหารการกินสำหรับคืนนี้....แต่เดี่ยวก่อน ทันใดนั้นเอง "เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด เปรี้ยงปร้างสว่างไสวอันตรายไปทุกที่ พายุหมุนฝุ่นตลบกลบแผ่นดินทันที มนุษย์สัตว์ตื่นตนกหนีกระจัดกระจาย" ฮ่าๆๆๆ เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง หรือต้อนรับพวกเรา....ฝนกระหน่ำจร้า จริงๆก็เตรียมใจมาแล้วล่ะ ว่าต้องเจอฝนแน่ แต่ไม่คิดว่ามันจะลำบากขนาดเน้.....กับข้าวก็ยังทำไม่เสร็จ เตาถ่านที่กะจะมาเช่ากับเจ้าหน้าที่บนภูก็หมด เพราะขึ้นมาช้า นักท่องเที่ยวเยอะ ไฟฟ้าก็ไม่มีมืดไปหมด จุดเทียนก็ดับๆติดๆ โคมไฟก็ไม่ได้เตรียมมา ผ้าใบกันน้ำฝันก็ปลิวสไว ฝนสาดกระหน่ำเข้ามา หูยยยย!! ใจหนึ่งก็สนุกสนานหัวเราะคิกคักกันไป ใจหนึ่งก็โวยวาย กรูมาลำบากทำไมเนี่ย แต่ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดี ป้าเต้นท์ข้างๆ กัน ให้ยืมเตาถ่านที่ติดไฟอยู่แล้ว เราจึงเอามาทำกับข้าวกันต่อ ขอบคุณไว้ ณ.ที่นี้คร้า นานาขอบคุณ คืนนี้ย่างแหนม ไส้กรอก หมูยอ คอหมูย่าง จิ้มจุ่ม ฟินๆกันไป กินมันทั้งทั้งแฉะๆ และเปียกปอนนั่นแหละ 

ตอนที่ 5......."เช้าวันใหม่....สดใสชุ่มฉ่ำ".......

ตื่นนอนเวลาประมาณ 07.30 น. คิดอะไรไม่ออก ต้มข้าวต้มแล้วกันเช้านี้ ผัดกระหล่ำปลีน้ำปลา หมูยอทอด ไส้กรอกทอด เนื้อเค็ม ไข่เค็ม หมูหยอง หมูย่างที่เหลือจากเมื่อคืน หมูที่ลวนเค็มไว้จากเมื่อคืนเช่นกันเอามาอุ่นๆ ก็กินได้แล้ว กินไม่หมดก็เอาใส่กล่องเป็นเสบียงระหว่างทางอีกเช่นเคย ไข่ที่เตรียมมาก็ต้มไว้เป็นสเบียงระหว่างเดินทางกลับ จริงๆ พวกเรากะจะนอนบนภู 2 คืน แต่หลังจากโดนฝนกระหน่ำ เลยตกลงกันว่า กลับกันดีกว่าเนอะ อาหารแต่ละมื้อเลยกินกันแบบจัดเต็มมาก เพราะไม่อยากแบกกลับเยอะ ยัดลงท้องไปให้เหลือน้อยที่สุดดีกว่า
ขณะที่กำลังเตรียมอาหาร ก็มีคนอู้งาน แอบหลับสบายเลย
อาหารพร้อมแล้ว!!....กินกันเล้ย
ถ่ายรูปเล่นเป็นที่ระลึก ก่อนจะลากลับบ้าน
ตอนที่ 6......."เดินข้ามประเทศ".......
จุดนี้มีสัญญาณโทรศัทพ์ AIS ตรงตอไม้นั่นเลยจร้า.....

ตอนที่ 7......."หมอกจางๆ หรือควัน".......

พี่ตูนก็มานะ....ฮ่าๆๆ "อยากออกไปแตะขอบฟ้า" น้องชายเราเอง โฟกัสไปที่จมูกมัน พ่อช่างไม่ยุติธรรมกับเราเหลือเกิน

ตอนที่ 8......."ดอกหงอนนาค ณ. ลานสน".......

ตอนที่ 9.......กลับบ้านกันเถอะ.......

ตอนที่ 10 .......เบื้องหลังของความสุข อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด.......

หลังจากลงเนินมรณะมา ก็เกิดเหตุกาณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น เนื่องจากฝนตกทั้งคืน บันไดก็ลื่น น้องสาวเราลื่นตกบันไดเหล็กสีเขียวๆ หัวฟาดหินแตกเป็นแผลยาว และหน้าผากก็ไปโดนรากไม้อีก ช้ำเป็นรอยแดงจนถึงวันนี้

ณ.ตอนเกิดเหตุนางก็เดินนำเราไปไกล ด้านหน้าสุดเป็นน้องชายที่ก็ทิ้งห่างกันพอสมควร ได้ยินเสียงตะโกนมาว่า 
น้องสา: "พี่สุ..........แตก" ไอเราก็คิดว่ากระเป๋าแตก ของคงหล่นเลยเรียกไปช่วยเก็บ แหมะ!! คิดไปได้
พี่สุ: "กระเป๋าแตกหรา"
น้องสา: "ไม่ใช่กระเป๋า หัวแตกกกก
"พี่สุ: "เยอะมั้ย เอามือห้ามเลือดไว้ก่อน"
น้องสา: "ห้ามไม่อยู่แล้วววว!!"
เท่านั้นแหละ รีบเดินเลยจร้า พอไปถึงภาพที่เห็นคือ น้องนั่งพับเพียบอยู่ตีนบันไดเหล็กสีเขียว ข้างหน้าเป็นรากไม้อันใหญ่ เลือดนองพื้น นางเอามือรองเลือดไว้ คงตกใจทำอะไรไม่ถูก เลือดอาบหน้า และเต็มสองมือของนาง เราก็ใจสั่น มือสั่นทันที กลัวน้องจะเป็นลมเพราะเสียเลือดมาก เราก็นึกอะไรไม่ออก รีบตั้งสติ ตอนนั้นน้องชายเดินย้อนกลับมาดู เพราะคงได้ยินเสียงโวยวายกัน แฟนเราเอาน้ำดื่มที่เตรียมมาล้างหน้าน้องสาว และราดไปที่หัว เราแหวกดูว่าแผลอยู่ตรงไหน พอเห็นเท่านั้นแหละ แผลยาวมากกกก ล้างน้ำหมดไป 1 ขวด ก็เอาทิชชู่เปียกมาเช็ดแผล เช็ดหน้า ห้ามเลือดไว้ก่อน แล้วเอาผ้าคาดหัวที่น้องชายเตรียมมาพอดี คาดรัดไว้ พอเดินไปสักพัก เลือดยังไหลไม่หยุด น้องที่มาด้วยบอกว่าหนูมีผ้าอนามัย เราก็คิดขึ้นได้เออ เราก็เอามานี่ เลยแกะผ้ารัดหัว เอาทิชชู่เปียกที่แปะแผลไว้ออก เอาผ้าอนามัยมาห้ามเลือดแทน แล้วเอาที่คาดหัวรัดไว้ บวกกับเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่เตรียมมาด้วย มาพันให้แน่นอีกที และเอาทิชชู่เปียกเช็ดหน้าอีกครั้ง ทิชชู่เปื้อนเลือดทั้งหมด ก็เอายัดใส่ขวดน้ำไว้ไปทิ้งข้างล่างภู เช็คอาการว่าน้องเวียนหัวมั้ย ให้กินยาแก้ปวด ดื่มน้ำหวานที่เตรียมมา ให้จิบทีละนิดไปเรื่อยๆ พลัดกับน้ำเปล่า.....น้องเราก็แข็งแรงมาก เดินนำลิ่วๆ จนถึงลำธาร ปรากฎว่าเลือดซึมออกมา ก็เปลี่ยนผ้าอนามัยห้ามเลือดใหม่ ล้างหน้าที่ลำธาร แล้วรีบลงไปที่อุทยานทันที พอถึงเจ้าหน้าที่ก็ให้รอสักพัก แล้วพาไปที่อนามัย ปรากฎว่าหมอไม่อยู่ เลยพากลับมาส่งที่ อุทยานที่เดิม เราเลยรีบพาไป รพ.ชาติตระการ ซึ่งก็ไปอีกประมาณ 1 ชม.กว่าๆ หมอก็ทำแผล เย็บไป 8 เข็ม แผลยาว 7 ซม. หมอพาไปเอกเรย์ ผลการเอกเรย์พบว่าไม่กระทบกระเทือนสมอง เลยพาน้องกลับบ้าน นางก็หลับมาตลอดทาง คงเพลียมาก

ที่เล่ามาทั้งหมด แค่อยากจะบอกว่าเดินป่าหน้าฝน ต้องระมัดระวังกันให้ดี อุบัติเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ ค่อยๆเดิน ไม่ต้องรีบร้อน จุดหมายปลายทางไม่ได้หนีไปไหน ยังคงอยู่ที่เดิม รอให้เราไปสัมผัสได้เสมอ ราวบันไดจับให้แน่น เพราะคุณอาจไม่โชคดีเหมือนน้องเรา ที่ไม่เป็นอะไรมาก ตอนนี้อาการปกติดี คงจะหายในเร็ววัน.....พ่อถามว่า เข็ดมั้ย นางตอบในทันทีเลยว่า ไม่เข็ด ฮ่าๆๆๆ

ตอนที่ 11......."ทิ้งท้าย....ก่อนลา"

ลาแล้วนะ "ภูสอยดาว" ประทับตราเป็นที่แรกเลย (จริงๆ ไปมาหลายที่แล้ว แต่เพิ่งซื้อสมุดพาสสปอร์ตมา ไว้จะตามไปเก็บใหม่ ^^)


______________________

เรื่องราวและภาพถ่าย โดย คุณ EnLady_Banban สมาชิกพันทิปดอทคอม 

เรียบเรียงโดย BlackPearl






Information

OPEN

- ไม่พบข้อมูล

TEL

- ไม่พบข้อมูล

PRICE

- ไม่พบข้อมูล

ADDRESS

- ไม่พบข้อมูล

FACILITIES

- ไม่พบข้อมูล

CONTACT

- ไม่พบข้อมูล

SHARE

share

#hashtag

RELATED