Banner Placeholder
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4

ททท.ผนึกแอร์เอเชีย บุกทริปอีสานแซ่บเวอร์ไปดูของดี เมืองอีสาน!!

ททท.ผนึกแอร์เอเชีย บุกทริปอีสานแซ่บเวอร์ไปดูของดี เมืองอีสาน!!


ททท. ร่วมกับสายการบินแอร์เอเชีย ใจดีพาตะลุยบุกทริปอีสานแซ่บเวอร์ไปดูของดีเมืองอีสาน ขอบอกเลยว่าดินแดนแถบอีสานเค้าก็มีของดีที่น่าเที่ยวอยู่มากมายทั้งที่รู้และไม่รู้จักมาก่อน อีกทั้งเรื่องอาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์และอร่อยไม่แพ้ภาคไหน คิดว่าหลังจากที่มาทริปนี้สองคืนสามวันนี้สุขใจแถมอิ่มอร่อยทุกมื้อ จนแทบไม่อยากกลับมากรุงเทพเลยก็ว่าได้

คุณ สมฤดี ชาญชัย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่นำคณะไปในครั้งนี้ กล่าวว่า ที่มาของโปรเจ็ค อีสานแซ่บเว่อร์ มองถึงสินค้าทางการท่องเที่ยวของอีสานว่ามีทั้งกิจกรรมเรื่อง ศาสนา กิจกรรมประเพณี วิถีชุมชน แหล่งท่องเที่ยวสวยงามและอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวที่โดดเด่นของภาคอีสาน เราจึงนำสิ่งเหล่านี้มาเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยว จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ และที่ผนึกกับแอร์เอเชียเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางเข้าไปด้วยตามเป้าหมายอยากให้คนไทยเที่ยวอีสานทั้งวันธรรมดาและวันเสาร์อาทิตย์ โดยแอร์เอเชียมีการทำโปรโมชั่นเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้าภาคอีสาน 1.5 หมื่นคน เริ่มต้นแคมเปญวันที่ 1 ก.พ. จนถึง 30 ก.ย.57นี้ โดยราคาเริ่มต้นไม่แพงอยู่ที่ 690 บาทในวันธรรมดา เริ่มเปิดตัวโครงการกับพื้นที่ อุบลราชธานี อุดร ขอนแก่น และนครพนม โดยวันนี้โครงการอีสานแซ่บเวอร์ได้พามาทริปที่จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ซึ่งจะมีกิจกรรมผ่านเซเล็ปหรือคนดัง เริ่มต้นที่ พิธีกร มดดำ เข้ามาถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาที่อุดรธานีและหนองคาย ทั้งสองจังหวัดนี้ ซึ่งจัดเป็นงานใหญ่ หลังจากนั้นจะมีเซเล็ปคนอื่นเช่น เดือนมีนาคมจะมี ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์แอร์เอเชียไปเชิญชวนให้เที่ยวขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ณเดชน์ ส่วนเดือนเมษายนเชิญคู่รักตะลอนทัวร์ คือ แหม่ม สุริวิภา พาเที่ยวที่สกลนคร และสุดท้ายคือ โทนี่ รากแก่น ชวนเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี ต่อไป และนี่ก็คือที่มาของโครงการนี้ค่ะ อีสานแซ่บเวอร์!!

คุณ อัจฉพรรณ บุญเจริญ ผู้อำนวยการททท.สำนักงานอุดรธานี กล่าวว่า 3 จังหวัดในความดูแลของททท. คืออุดรธานี หนองคายและบึงกาฬ มีความสวยงามที่หลากหลายทั้งธรรมชาติที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน และการใช้ชีวิตหลากหลายสไตล์ สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี อากาศก็ดีไม่แพ้ที่ไหน เช่น ทะเลบัวแดง ภูพระบาท วัดป่าภูก้อน ภูทอก ชมทะเลหมอกตอนเช้าๆที่ภูห้วยอีสัน แหล่งช้อปปิ้งใหญ่ๆอย่างเซ็นทรัลอุดรธานี ยูดีทาวน์ ฯลฯ จึงเป็นสวรรค์ของการท่องเที่ยวของทางอุดรธานี อีกทั้งเป็นเมืองเชื่อมโยงไปยังฝั่งลาว โดยไม่ไกลจากลาวมากนัก เพียงแค่เดินทาง ประมาน 40นาทีก็ถึงเมืองหนองคายแล้วข้ามไปเที่ยวฝั่งลาวได้อีกด้วย

คุณ กฤษ พัฒนสาร ผู้บริหารจากไทยแอร์เอเชีย เสริมอีกว่าแอร์เอเชียทำโครงการท่องเที่ยวร่วมกับททท.ใน 3 ภูมิภาค ภายใต้โครงการเที่ยวทั่วไทยไปกับแอร์เอเชีย ซึ่งอีสานแซ่บเว่อร์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่ โดยจะมีการทำโปรโมชั่นเส้นทางไปอีสานทั้งอุดรฯ อุบลฯ ขอนแก่น และนครพนม จึงอยากเชิญชวนให้ท่องเที่ยวไปกับแอร์เอเชียในราคาพิเศษ ที่ทุกคนก็คงถูกใจกับราคานี้ และจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของอีสานด้วย แล้วมาเที่ยวอีสานด้วยกันเยอะๆนะครับ


เราเริ่มทัวร์จังหวัดแรกกันเลย อุดรธานี หลังจากลงเครื่องแอร์เอเชียที่สนามบินอุดรกันแล้ว เราก็มุ่งตรงไปที่ ร้านส้มตำเจ้ไก่ ร้านนี้ส้มตำแซ่บเวอร์เด็ดมากดูจากจานบิ้กๆและสีสันแล้วแหม น่าทานมากๆ พอทานเข้าไปก็ออกอาการซี้ดซ้าดเผ็ดถึงใจ น้ำปลาร้าร้านเจ้ไก่นี้เค้าเด็ดจริงๆ ร้านนี้เรียกได้ว่าคนแน่นขนัดเลยหากมากันเยอะถ้าไม่จองที่นั่งก่อนคงต้องต่อคิวยาวกันเลย อาหารที่นี่เค้าอร่อยแซ่บหลายอย่าง


แต่ที่จะมานำเสนอก็คงเป็นส้มตำปูปลาร้าจานใหญ่ไซต์บิ้กที่เห็นนี้ จานละ 100 บาทถ้วน กินได้หลายคนทีเดียว อีกทั้งปลาเผาก็น่าทาน และแกงหน่อไม้ก็เด็ด รับรองแวะมาอุดรแวะมาทานส้มตำไม่มีผิดหวัง ของเค้าเด็ดจริงๆ


ต่อไปจุดหมายก็คือ ไหว้พระ แก้ชง อีกทั้งเสริมศิริมงคลต่อที่ ศาลเจ้าปู่ย่า จังหวัดอุดรธานี กราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดอุดรธานี กราบไหว้ด้วยธูป 30 ดอก รวมทั้ง 6 จุด ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่และหมายเลขคอยบอกจุดที่ไหว้ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไหว้ผิด ตามความเชื่อที่ว่าเพื่อความสว่างไสวกับชีวิต ไหว้เสร็จก็ขอพร ว่ากันว่าที่นี่เค้าศักดิ์สิทธิ์นะคะ ชาวอุดรธานีเค้าก็มากราบไหว้กันทั้งเมือง


ไหนๆก็มาอุดรทั้งที ไปไหว้พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ ที่วัดโพธิสมภรณ์กันต่อเลย อยู่ไม่ไกลจาก ศาลเจ้าปู่ย่ามากนัก วัดโพธิสมภรณ์ อยู่ในอำเภอเมือง อุดร สร้างเมื่อปี 2449 ปลายรัชกาลที่5 พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ นี้สวยสดงดงามมากค่ะ ภายในก็อากาศเย็นและสงบ ตกเย็นในระหว่างที่ไหว้พระและสวดมนต์กันอยู่ ก็จะมีนักเรียน และ นักศึกษา เลิกเรียนแล้วต่างมากราบไหว้และสวดมนต์กันที่วัดนี้อีกด้วย เห็นแล้วน่าชื่นใจมากที่เด็กนักเรียนก็ยังมีใจมากราบไหว้สักการะค่ะ เป็นภาพที่น่าประทับใจอีกภาพนึง


ตกเย็นได้เวลามื้อเย็น ร้านอาหารที่จังหวัดอุดร จริงๆแล้วมีร้านอร่อยๆและเด็ดๆประจำเมืองอยู่มากมายหลายร้าน แต่มื้อนี้จะมาแนะนำร้านอาหาร good Everything มาแนะนำกัน ตั้งอยู่ใกล้สวนสาธารณะหนองประจักษ์ บรรยากาศร้านมีทั้งอินดอร์ และเอ้าท์ดอร์ ร่มรื่นและสงบ เมนูอาหาร อร่อยหลายอย่างค่ะ ที่นี่ก็จะมีทั้งอาหารแบบฟิวชั่น และอาหารอิตาเลี่ยน สเต็กที่นี่เค้าก็เด็ดหลายอย่าง และเมนูที่มาแล้วต้องสั่งเลยนะคะ ก็คือหอยนิวซีแลนด์อบชีส จานนี้ลองแล้วอร่อยมาก หอยตัวโตๆชีสหอมนุ่มลิ้น น้ำผลไม้ก็ฉ่ำหวานอร่อย จะมีน้ำทับทิม คือน้ำทับทิมสดๆเลยนะ ไม่ได้เป็นน้ำทับทิมแบบเป็นกล่องแน่นอน และน้ำส้มแครอทอร่อยชื่นใจแก้กระหายได้ดีทีเดียว 

เวลาประมาณสองทุ่ม ไปเดินเล่นที่ถนนทุ่งศรีเมืองในงานเทศกาลตรุษจีน ของเมืองอุดร ค่ำคืนนี้ทางจังหวัดเค้าปิดถนนให้ประชาชนได้เดินชิวบนถนนทั้งสายนี้ค่ะ ภายในงานก็มีประเพณีจากคนไทยเชื้อสายจีน อีกทั้งคนไทยเชื้อสายเวียดนาม ออกมาแสดงบนเวทีต่างๆให้ได้ชมกันฟรีค่ะ งานนี้ตามถนนขายของกันทั้งเส้นสาย คล้ายๆถนนคนเดินประมาณนั้นเลย ทำให้อุดรคืนนี้คึกคักเป็นอย่างมากค่ะ 


เช้าตรู่ของวันที่ 1กุมภาพันธ์ เวลาประมาณตีห้าครึ่งๆได้เดินทางไป ทะเลบัวแดง ที่บึงหนองหาน อำเภอกุมวาปี จังหวัดอุดรธานี เห็นชาวบ้านบอกกันมาว่า ถ้ามาเช้าๆอากาศหนาวๆเย็นๆอยู่ ดอกบัวก็จะบานกันเต็มที่ เต็มท้องทุ่งแห่งนี้ ยิ่งมากันเช้าๆอากาศเย็นๆ ดอกบัวก็จะพร้อมใจกันบานสะพรั่งสวยมากๆค่ะ เราเลยต้องตื่นเช้ากันหน่อยเพื่อมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ด้วย แสงตะวันที่กำลังขึ้นส่องกระทบกับทุ่งน้ำแห่งนี้พร้อมบัวบานสุดตา เป็นอีกภาพที่หาชมที่ไหนไม่ได้สวยงามมากๆเลยค่ะ เห็นจากภาพอาจไม่สวยเท่ามาเห็นด้วยตาตัวเองนะคะ บอกไว้เลย ทุ่งบัวแดง อุดรธานีค่ะ 

ยังไม่สายมากเกินไป เราบึ่งรถไปต่อกันเลยที่อำเภอใกล้เคียง เพื่อไปชมบัวแดงอีกที่ ที่วังบัวแดง ที่วังบังแดงนี้ อยู่ในจังหวัดหนองคายค่ะ ความงามอาจจะน้อยหน่อย เพราะไม่กว้างใหญ่เท่ากับทะเลบัวแดงที่อุดร จากภาพด้านบนที่ผ่านมานี้ แต่ให้บรรยากาศคนละฟิวกันค่ะ พายเรือไปดูรอบๆบึงบรรยากาศเงียบสงบ เริ่มร้อนแล้วเราเลยรีบกลับขึ้นฝั่ง มีเวลาก็ลองไปเที่ยวดูบัวบานสะพรั่งที่วังบัวแดงกันนะคะ 


ก่อนเที่ยงเราแวะมาล่องเรือแจวเรือพายกันที่ริมแม่น้ำโขง พันโขด แสนไคร้ โขดหินและต้นไคร้นับแสน ระหว่างจังหวัดหนองคาย กับประเทศลาว ตั้งอยู่ที่ อ.สังคม เมืองเล็กๆใจจังหวัดหนองคาย พันโขดแสนไคร้ แห่งนี้ จะเห็นก็ต่อเมื่อน้ำในแม่น้ำโขงลดลงมาก แล้วก็จะปรากฎหินขนาดต่างๆเป็นปุ่มๆมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่เต็มไปหมด และมีต้นไคร้ใบสีเขียวสดเกิดขึ้นอยู่ตามหินแห่งนี้ค่ะ เป็นธรรมชาติที่สร้างมาให้เห็นอย่างสวยงามและลงตัว เลยทีเดียว


ถึงเวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว ไปแวะทานที่ ร้านอาหารเวียงจันทร์ค่ะ ร้านนี้คนแอบเยอะอยู่เหมือนกันนะ อีกทั้งร้านอาหารก็ติดกับแม่น้ำโขง มองเห็นวิวยาวสบายตา อากาศเย็น ขนาดว่าเที่ยงแล้วลมก็ยังโชยอากาศเย็นสบายดีเหมือนกัน อาหารที่นี่ก็มีแหนมเนือง หมูชิ้นโตๆ น้ำจิ้มรสเด็ดใช้ได้ค่ะ ผักสดที่นี่ก็เป็นผักปลอดสารพิษนะคะ ผักออแกนิคใบใหญ่ๆ เพราะที่นี่เค้าเน้นปลูกผักปลอดสารเคมีไว้ทานเอง และมาทำอาหารให้เราๆได้ทานกันค่ะ ผักสดเขียวใบใหญ่มาก 

ทั้งอิ่ม ทั้งสุขใจแล้วมุ่งหน้าไปกันต่อเลย ที่หมู่บ้าน โฮมสเตย์ ในอำเภอศรีเชียงใหม่ หมู่บ้านนี้ชื่อว่า หมู่บ้านวังน้ำมอก อยู่ในจังหวัดหนองคายค่ะ มาดูกรรมวิธีทำ แกงหน่อไม้ เมนูเด็ดแซ่บเวอร์ของหมู่บ้านนี้ค่ะ ได้ชิมไปถ้วยใหญ่ๆด้วยล่ะ สะใจแซ่บเวอร์จริงๆ ถ้ามีโอกาสมาแถวนี้อย่าลืมแวะมาชิม แวะมาพักที่โฮมสเตย์แห่งนี้ค่ะ 


ที่หมู่บ้านวังน้ำมอกนี้ ยังคงใช้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมกันอยู่เลยนะคะ ทั้งการทอผ้า การประดิษฐ์โคมไฟ หรือการหาน้ำผึ้ง เค้าเน้นใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย และไม่เร่งรีบ น่าลองมาสัมผัสชีวิตแบบง่ายๆกันดูในช่วงวันหยุดยาวๆหรือพักร้อนลองกันดูนะคะ สงบขึ้นเยอะ 

เริ่มพระอาทิตย์ตกดินแล้วค่ะ แบกเป้ขึ้นรถตู้เดินทางกันต่ออีกนิด ไม่ไกลจากบ้านวังน้ำมอกมากนัก เรามุ่งหน้าไปที่ จุดชมวิววัดผาตากเสื้อ อ.สังคม จ.หนองคาย กันต่อเลย เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกดินและชมความงามบนเขาที่มองลงมาจะเห็นแม่น้ำโขง ที่เรียกกันว่า Dream Desination ที่สวยงามมากหากมองลงมาจะเห็น สันทรายดูแล้วคล้ายเกล็ดลายพญานาค เห็นเด่นตรงสันทรายระหว่างแม่น้ำโขง ตื่นตาตื่นใจคว้ากล้องมาถ่ายรูปจุดนี้กันใหญ่ค่ะ สวยงามจริงๆหากมาเห็นด้วยตาบวกกับอากาศที่เย็นสบาย ยิ่งประทับใจมากยิ่งขึ้น


เช้าวันสุดท้ายกับ จังหวัดหนองคาย เช้านี้ตื่นแต่ไก่โห่ ตีห้าเพื่อไปนั่งตั้งหน้าตั้งตารอดูทะเลหมอก ที่ภูห้วยอีสัน ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย อาจเป็นเพราะอากาศที่ไม่หนาวมากนัก เวลาที่นั่งอยู่ก็ประมาณ 17-18 องศา ทะเลหมอกเช้านี้ยังไม่มีมากนัก แต่ก็ยังพอได้เห็นขึ้นมาดูไม่เสียเที่ยวค่ะ ก็แบบที่นำภาพมาให้ชมรีวิวนี่แหละค่ะ สวยอยู่ไม่น้อยค่ะ พระอาทิตย์ขึ้นพอดี นกบินออกหากิน เป็นภาพที่น่าจดจำไปอีกภาพในทริปนี้เลยล่ะ 

การเดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอกนี้ก็ นั่งรถอีแต้กที่ชาวบ้านเค้าเรียกกันขึ้นไปชม โดยราคาของรถอีแต้กที่ใช้บริการขึ้นไปก็อยู่ที่คนละ 60 บาท รวมทั้งไปและกลับต่อหัว ค่ะ บรรยากาศข้างทางที่ไปมองแล้วเพลินตามากค่ะ สองข้างฝั่งต้นไม้ร่มรื่นเย็นและเงียบสงบ 

หลังจากชมทะเลหมอกกันเสร็จแล้วก็ได้เวลามื้อเช้า ร้านอาหารพื้นบ้านแถวนี้ค่ะ ร้านชื่อครัวไม้น้ำ เห็นร้านเล็กๆดูธรรมดาๆแบบนี้อย่าดูถูกกันเชียว อาหารทุกอย่างคอนเฟริมว่าอร่อยถูกปากค่ะ น่ากินทุกเมนู อาทิ ต้มยำปลาน้ำโขง ปลาหมกหม้อดิน ผัดฉ่าปลาคัง ลาบปลาแค่ และ หลนเต้าเจี้ยวหมูสับ ทานปลาที่นี่ทั้งไม่แพงทั้งปลาสดสะใจคนชอบทานปลาเลยล่ะ ผักออแกนิคก็ปลูกกินเองไร้สารเคมีร้อยเปอร์เซ็นค่ะ ใบโต๊โตน่ากิน ซัดซะหมดจานเลยล่ะ

เดินทางมาชมกรรมวิธีการทำกล้วย ไร่ฉัตรดนัย กล้วยฉาบ อุตสาหกรรมในหมู่บ้านในครัวเรือน กล้วยที่นี่ทำกันเองค่ะ นำออกขายจังหวัดใกล้เคียงราคาก็ไม่แพงแถมอร่อย โดยเฉพาะกล้วยทอดอบน้ำผึ้ง เห็นว่าทำขายกันไม่ทันเชียวค่ะเฉพาะรสอบน้ำผึ้งนี้ ก่อนกลับเลยซื้อไปฝากคนที่บ้านกันเยอะเชียว เพราะทานง่ายถูกปากคนไทย แถมราคาเค้าย่อมเยาว์จริงๆค่ะ 

แวะอีกสักที่ก่อนกลับกรุงเทพ นี่คือแหล่งผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยว ที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เส้นก๋วยเตี๋ยวเจ้าของเล่าว่า ทำจากข้าวล้วนๆ โดยวิธีการทำ เอาข้าวมาล้างให้สะอาด และนำไปแช่น้ำโม่แป้ง และก็ต้องเป็นน้ำที่สะอาดเป็นน้ำกรองเท่านั้น หลังจากนั้นเราก็จะนำเข้าสู่เตานึ่งไอน้ำ เป็นแผ่นๆใหญ่ๆ แล้วพอนำไปตากจนแห้งสนิท จะนำไปแช่น้ำอีกครั้งเพื่อให้นุ่มตัวแล้วนำมาหั่นโดยใช้เครื่องหั่นเส้นเล็ก แล้วนำไปตากในโดมอีกทีนึงค่ะ กว่าจะมาเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบที่เราทานๆกันอยู่นะคะ กรรมวิธีนั้นหลายขั้นตอนอยู่เหมือนกันนะเนี่ย เจ้าของโรงงานใจดีไม่น้อยหลังจากบอกวิธีการทำอย่างละเอียดแล้ว ก็ได้ลงมือทำอาหารต่างๆจากเส้นก๋วยเตี๋ยวให้ทานกันค่ะ มีทั้ง เฝอ ทั้งผัดไท และ หมี่กะทิ อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ เส้นเค้าเหนียวนุ่มดีจริงๆ 

ขอบอกเลยว่าทริปอีสานนี้เพลินดีจริงๆ อยู่สามวันเที่ยวเยอะมากๆในแต่ละวันก็ยังเที่ยวไม่ครบ ไม่หมดเลยล่ะ สถานที่ดังๆสวยๆก็มีอยู่ไม่น้อย อีกทั้งโลเคชั่นที่เราไม่เคยเห็นก็มีอีกมากมายในแดนอีสานแห่งนี้ ทั้งสถานที่กินก็มีแต่ร้านอร่อยๆและราคาเป็นกันเอง ที่เที่ยวทางธรรมชาติ ก็ดีล้วนเป็นที่ๆน่าประทับใจ เป็นการเดินทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ตั๋วที่มากับแอร์เอเชียในโครงการ อีสานแซ่บเวอร์ก็ราคาย่อมเยาว์ไม่แพง ไว้ลองมาเที่ยวที่อีสานกับโปรเจ็คนี้กันเยอะๆนะคะ อิ่มบุญแถมสุขใจแน่ๆค่ะ อีสานแซ่บเวอร์ !!

และที่ขาดไม่ได้ก็ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีอย่าง ททท.และสายการบินแอร์เอเชีย อีกทั้งการต้อนรับที่อบอุ่นเป็นกันเองจากคนในพื้นที่ที่เราไปเยือนในครั้งนี้มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ Goodtime good memory ไปเที่ยวอีสานกันเยอะๆนะคะแล้วคุณจะหลงรักวิถีชีวิตที่เรียบๆง่ายๆค่ะ






Information

OPEN

- ไม่พบข้อมูล

TEL

- ไม่พบข้อมูล

PRICE

- ไม่พบข้อมูล

ADDRESS

- ไม่พบข้อมูล

FACILITIES

- ไม่พบข้อมูล

CONTACT

- ไม่พบข้อมูล

SHARE

share

#hashtag

RELATED