เปิดที่มาที่ไปผัดกะเพรา เกิดขึ้นได้อย่างไร ผ่านความเชื่อหลายกระแส
ผัดกะเพรา เป็นเมนูอาหารง่ายๆ ทำกินได้แบบด่วนๆ (ภาษาอังกฤษคงเรียก Fast Food) ปรากฎอยู่ในแทบจะทุกร้านอาหารประเภทตามสั่งในบ้านเรา วิธีการทำไม่ซับซ้อนเลย ปรุงได้โดยวิธีการผัดในกะทะ ใส่เนื้อสัตว์ลงไปผัดกับน้ำมันร้อนๆ ใส่พริก ใส่กระเทียม ปรุงรสตามใจชอบ ได้ที่แล้วจึงใส่ใบกะเพราเพิ่มกลิ่นและความฉุน ผัดให้เข้ากันก็ยกลงจากเตารับประทานได้
ขั้นตอนนี้สำคัญที่สุด เพราะผัดกะเพราก็ต้องใส่ใบกะเพรา ถ้าไม่มีใบกะเพราแล้ว เมนูนี้คงกลายร่างเป็นเมนูอื่นไป ตั้งชื่อว่า เนื้อผัดพริกกระเทียม แบบนี้คงจะเหมาะสมกว่า
พูดถึงที่มาที่ไปของเมนูผัดกะเพรา มีหลากหลายกระแส เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อไหร่ ข้อมูลต่างกัน ทาง EDT Insider ได้ลองรวบรวมและเรียบเรียง พบว่ามีอยู่ 4 กระแสความเชื่อหลักๆ ได้แก่
----
01 เชื่อว่ามาจากร้านอาหารตามสั่งชัยวัฒน์ ที่ตลาดแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม
กิเลน ประลองเชิง คอลัมนิสต์ชื่อดัง จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เจ้าของคอลัมน์ “ชักธงรบ” เคยเขียนถึงต้นกำเนิดของเมนูผัดกะเพราไว้ว่า อาจจะมาจากนายชัยวัฒน์ แห่งร้านอาหารตามสั่งชัยวัฒน์ ซึ่งสมัยนั้นตั้งอยู่โดดเด่นกลางตลาดแม่กลอง ช่วงปี พ.ศ.2500 มีป้ายหน้าร้านเขียนชัดเจนว่า “ชัยวัฒน์ ต้นตำรับ ผัดกะเพรา...เจ้าแรก” ต่อมาเมื่อนายชัยวัฒน์เสียชีวิตลง สูตรทำผัดกะเพราก็ตกทอดไปสู่นายไสวซึ่งมีฐานะเป็นลูกศิษย์คนสำคัญ ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังสืบทอดสูตรนี้อยู่หรือไม่ เพราะไม่เห็นร้านชัยวัฒน์มานานมากแล้ว
02 เชื่อว่ามาจากพ่อครัวชาวจีน ที่หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี
กฤช เหลือลมัย นักโบราณคดีและคอลัมนิสต์อาหารไทย เคยเขียนถึงต้นกำเนิดของเมนูผัดกะเพรา เล่าให้ฟังจากความทรงจำว่า
ผัดกะเพรา อาจจะมีที่มาจาก คณะท่องเที่ยวของ รงษ์ วงสวรรค์ (ศิลปินแห่งชาติ ปี พ.ศ.2538) และ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช (นายกรัฐมนตรีคนที่ 13 และ ผู้แต่งนิยายสี่แผ่นดิน) ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2500 ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี พอตกดึกรู้สึกหิวมาก แต่แทบหาร้านไม่ได้เพราะปิดกันหมดแล้ว มีอยู่ร้านนึงกำลังจะปิดเช่นเดียวกัน เลยไปคะยั้นคะยอให้เค้าทำให้กิน พ่อครัวชาวจีนคงรู้สึกรำคาญ ก็เลยเข้าครัวผัดเนื้อให้แบบขอไปที ใส่พริก ใส่กะเทียม และบังเอิญตรงนั้นมีใบกะเพราเหลืออยู่จึงใส่เข้าไปด้วย ปรากฎว่า อร่อยมาก รสชาติถูกปากเป็นที่ถูกอกถูกใจ จึงกลายเป็นเมนูใหม่สืบทอดมาจนปัจจุบัน
03 เชื่อว่าเกิดจากการดัดแปลงจากอาหารไทยของชาวจีน
ประยูร อุลุชาฎะ เคยเขียนไว้ในหนังสือชื่อ “อาหารรสวิเศษของคนโบราณ” กล่าวำถึงเมนูผัดกะเพราไว้ว่า เพิ่งจะเป็นที่นิยมในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา (หนังสือเล่มนี้พิมพ์เผยแพร่ปี พ.ศ.2531) โดยชาวจีนได้ดัดแปลงมาจากอาหารไทย ผัดเนื้อกับพริกกระเทียม แล้วใส่ใบกะเพราซึ่งสมัยก่อนคนไทยใช้ใส่ผัดเผ็ดหรือจำพวกแกงป่า ที่น่าสนใจคือ สูตรสมัยก่อนนี้ต้องใส่เต้าเจี้ยว ส่วนเวลาจะตักทานก็ต้องเอาพริกไทยเหยาะโรยหน้าสักหน่อยเพื่อเพิ่มมิติของรสชาติ
04 เชื่อว่าเกิดขึ้นสมัย จอมพล ป พิบูลสงคราม
ความเชื่อนี้มาจากการบอกเล่าของ “เสือตะหลิว” เจ้าของกระทู้ท่านหนึ่งในเว็บไซต์คอมมูนิตี้ชื่อดัง พันทิพ.คอม โดยในกระทู้นั้นได้พูดถึงที่มาของผัดกะเพรา รวมถึงแจกสูตรทำผัดกะเพรา ระบุว่าเป็น สูตรผัดกะเพราเนื้อ ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศไทย ผัดกะเพรา เป็นเมนูเกิดจากนโยบายสร้างชาติและความเป็นไทยในสมัยนั้น มีการประกวดเมนูอาหารประจำชาติ และผัดกะเพราน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2490 โดยดัดแปลงมาจากอาหารจีน ที่น่าสังเกตคือ ผัดกะเพราสูตรนี้มีการใส่ เต้าเจี้ยวและน้ำพริกเผาลงไปด้วย ซึ่งค่อนข้างต่างจาก สูตรผัดกะเพราในปัจจุบัน
รู้หรือไม่? กะเพรา มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าที่คุณคิด
ใบกะเพรา เป็นพืชล้มลุกในตระกูลโหระพา พบได้โดยทั่วไปในบ้านเรา ถ้าลองทบทวนความจำดูดีๆ หลายครั้งเราก็เคยไปเด็ดกะเพรามาจากข้างทางด้วยซ้ำ
กะเพราที่เรารู้จักจะมี 2 ประเภทหลักๆ คือ กะเพราขาว และ กะเพราแดง ใช้เป็นสมุนไพร หรือใช้ปรุงอาหารได้ทั้งคู่ คนไทยเราส่วนมากรู้จักกะเพราจากเมนูยอดนิยมอย่างผัดกะเพรา หรือ แกงต่างๆที่มีรสจัดจ้าน ความฉุนของกะเพราถือว่า เป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์มาก อีกแง่หนึ่งใบกะเพรา ถือว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง มีวิตามินเอ, วิตามินบี 1, วิตามินบี 2, วิตามินซี, เบต้าแคโรทีน, ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส รวมไปถึงธาตุเหล็ก
ตัวอย่างสรรพคุณของกะเพรา
01 ลดน้ำตาลในเลือด ใช้รักษาโรคเบาหวาน
ในประเทศอินเดีย กะเพราถือเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ ใช้ในการบูชาเทพเจ้า รวมถึงมีการใช้เป็นสมุนไพรเพื่อรักษาโรคมาอย่างช้านานอีกด้วย บันทึกหนึ่งปรากฎอยู่ในตำราแพทย์อายุรเวทระบุว่า การรับประทานผงใบกระเพราแห้ง ปริมาณ 2.5 - 3 กรัม วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หรือ รับประทานครั้งละ 6 กรัม วันละ 2 ครั้ง สามารถช่วยลดระดับน้ำตาล รวมถึงลดระดับไขมันในเลือดสูงได้
นอกจากนั้นจากการศึกษาวิจัยของแพทย์แผนปัจจุบัน พบว่า 63% ของผู้ป่วยเบาหวานที่ดื่มน้ำต้มกะเพรา วันละ 700 มิลลิลิตร (โดยต้มต้นกะเพราแห้ง 20 กรัม ในน้ำ 1 ลิตร แล้วกรองดื่ม) สามารถตอบสนองต่อฤทธิ์ลดน้ำตาลได้ดี นอกจากนั้นยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในกลุ่มผู้ป่วยโรคอ้วนลงพุงได้อีกด้วย
----
02 แก้ลมพิษ พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
เป็นวิธีโบราณ ผ่านการสืบทอด ใช้กันมาอย่างยาวนานมากในเมืองไทยของเรา โดยนำใบกะเพราสด (ชนิดใดก็ได้) ประมาณ 1 หยิบมือใหญ่ๆ ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นตำให้ละเอียด บดผสมกับเหล้าขาว เทเหล้าให้ท่วมเนื้อใบกะเพรา เมื่อผสมกันได้ที่แล้วก็ใช้ทาบริเวณที่เป็นลมพิษนั้น อาการจะค่อยๆทุเลาจนหายไปในที่สุด
----
03 กะเพราช่วยรักษาสิวได้
น้ำมันหอมระเหยจากใบกะเพรามีสารยูจีนอล แกมม่า คาร์โยฟิลีน(eugenol γ ß-caryophyllene ) และเมททิลยูจีนอล (methyl eugenol) ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตโตของเชื้อสิวได้เป็นอย่างดี วิธีการใช้กะเพราเพื่อรักษาสิวนั้นไม่ยากเลย เพียงนำใบกะเพราประมาณ 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาดจากนั้นตั้งทิ้งไว้ให้น้ำแห้ง เมื่อแห้งดีแล้วนำใบกะเพราไปโขลกให้ละเอียดให้มีน้ำซึมออกมาจากใบกะเพราเล็กน้อย ให้ใช้น้ำที่ซึมออกมานั้นไปพอกบริเวณที่สิวขึ้น นวดเบาๆจะช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น บางท่านนำผสมกับแป้งมาสก์หรือนมสดก็ได้ พอกหน้าทิ้งไว้ 20-30 นาทีก็ช่วยให้สิวยุบเร็วได้เหมือนกัน
----
04 ช่วยรักษาสุขภาพในช่องปาก
งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้มีการทดลองให้ผู้เข้าร่วมบ้วนปากด้วยกะเพรา พบว่าทำให้คราบพลัคและอาการเหงือกอักเสบลดลง ทั้งนี้กะเพรายังช่วยลดแบคทีเรีย และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในช่องปากรวมถึงลดกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย
----
05 แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน จุกเสียดแน่นท้อง
กะเพราสามารถใช้แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ โดยการนำใบและยอดสดประมาณ 1 กำมือต้มกับน้ำ ใช้ดื่ม
ตอกย้ำความเป็นอันดับ 1 ผัดกะเพรา คือเมนูยอดฮิตประจำบ้านในยุค Covid-19
ตั้งแต่โลกรู้จักกับ Covid-19 ทุกสิ่งอย่างในชีวิตประจำวันของเราก็เปลี่ยนตามไปด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อการปรับตัวเรียนรู้อยู่กับโรคระบาดที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ จากวันนั้น จุดเริ่มต้นการระบาดที่อู่ฮั่น ประเทศจีนมาจนถึงปัจจุบันก็กินเวลาร่วมๆ 2 ปีแล้ว New Normal หรือวิถีชีวิตแบบใหม่ เกิดขึ้นทั่วโลก จากไม่เคยสวมแมสก์ ก็ต้องมาฝึกสวม จากที่เคยอยู่ใกล้ชิดก็มาเรียนรู้การเว้นระยะห่างทางสังคมหรือ Social Distancing
ราวกับนักมวยมืออาชีพ จะปล่อยให้การ์ดตกไม่ได้ เพราะ โรคร้ายพร้อมจู่โจมเราอยู่ตลอดเวลา รวดเร็วและหนักหน่วงไม่ต่างจากหมัดฮุคขวาของคู่ต่อสู้บนเวที ประเทศไทยของเราก็เช่นกัน คงยังต้องเคร่งครัดกับมาตรการควบคุมโรคนี้ต่อไปจนกว่าสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้น อีกหนึ่งอย่างที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากคงหนีไม่พ้นเรื่องอาหารการกิน เพราะถือว่าเป็นส่วนสำคัญ สิ่งที่เรากินเข้าไปโดยตรง ถ้าไม่สะอาด ไม่ถูกสุขลักษณะอนามัยก็พาลให้เจ็บป่วยได้ง่ายๆ
จากผลการสำรวจของสวนดุสิตโพล ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,192 คน โดยมีการสำรวจทางออนไลน์ ข้อมูลระหว่างวันที่ 26-29 เมษายน 2564 พบว่าในยุคโควิดนี้ คนไทยกว่า 70% หันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินกันมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้พฤติกรรมการกินอาหารของประชาชนเปลี่ยนไป ดังนี้
อันดับที่ 1 -> 75.81%
ทำอาหารกินเองที่บ้านมากขึ้น
อันดับที่ 2 -> 71.70%
คำนึงถึงความสะอาดของอาหาร
อันดับที่ 3 -> 59.99%
เลือกอาหารที่มีผลดีต่อสุขภาพ
อันดับที่ 4 -> 56.22%
พิจารณาบรรจุภัณฑ์ในการบรรจุอาหาร
อันดับที่ 5 -> 49.86%
เลือกอาหารที่เชื่อว่าต้านโควิด-19 ได้
และที่น่าสนใจก็คือ เมนูผัดกะเพรา ที่ทุกคนรู้จักกันดีนั้นเข้าวินมาเป็นอันดับ 1 เมนูที่ประชาชนชื่นชอบ หรือ ทำกินเองบ่อยที่สุดในยุคโควิด-19 อีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้ตอกย้ำความยอดฮิตของเมนูนี้ในบ้านเราได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า เป็นเมนูที่ใครๆก็ชอบกิน และทำง่ายจนใครๆก็ปรุงได้ยังไงยังงั้น โดย 5 อันดับเมนูที่ประชาชนทำกินเองบ่อยที่สุดในยุคโควิด 19 จากสวนดุสิตโพล ได้แก่
อันดับที่ 1 -> 32.23%
ผัดกะเพรา
อันดับที่ 2 -> 24.91%
ต้มยำ
อันดับที่ 3 -> 21.60%
ผัดผัก/ผัดคะน้า/ผัดขิง
อันดับที่ 4 -> 17.60%
เมนูน้ำพริก ผักต้ม
อันดับที่ 5 -> 12.89%
เมนูไข่ เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่ลูกเขย
ใบกะเพรา คนอินเดียกราบไหว้ แต่คนไทยเอามากิน!
ต่างคนต่างความคิด ต่างพื้นที่ก็ต่างความเชื่อและวัฒนธรรม คำๆนี้คงเป็นคำอธิบายได้ดีที่สุดของเรื่องที่จะมาชวนเล่าสู่กันฟังในวันนี้ เคยเปิดหนังสือท่องเที่ยวไทย ที่เขียนโดยนักเขียนชาวต่างประเทศ จะมีอยู่ไม่น้อยให้คำแนะนำเรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่าง คือมาเที่ยวต่างบ้านต่างเมืองต้องระมัดระวัง อะไรที่เราเคยทำจนกลายเป็นเรื่องปกติในประเทศของเรา อาจกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายในอีกประเทศหนึ่งก็เป็นได้ ฝรั่งชอบเล่นหัวกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่กับคนไทยด้วยขนบธรรมเนียม หลายคนก็ยังเชื่อเรื่องหัวเป็นของสูง เท้าเป็นของต่ำ จะมาเล่นหัวกันเลยกลายเป็นเรื่องไม่ชวนปลื้ม
เช่นเดียวกัน กับเรื่องใบกะเพรา ที่เราๆท่านๆทุกคนต่างรู้จักกันดีอยู่แล้ว เป็นวัตถุดิบที่สำคัญของเมนูใบกะเพราอันลือลั่น เมนูอร่อยสื้นคิดอันดับหนึ่งในร้านอาหารตามสั่งในบ้านเรา แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่า ใบกะเพรานั้น ถือเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ในประเทศอินเดีย ใช้บูชาเทพเจ้าในศาสนาฮินดูมาตั้งแต่โบราณกาล ทำให้คนอินเดียรักและดูแลต้นกะเพราอย่างดีเลย อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงบอกว่า โชคดีแล้วที่เกิดเป็นคนไทย หากเกิดเป็นคนอินเดียคงพลาดเมนูอร่อยไปอีกหนึ่งเมนูเป็นแน่แท้
ทีนี้เมื่อถามต่อว่า ฐานะของต้นกะเพราในอินเดียนั้นสำคัญขนาดไหน ?
พอค้นคว้าข้อมูลแบบลงลึกก็พบสิ่งที่น่าสนใจว่า ต้นกะเพราถือเป็นร่างอวตารร่างหนึ่งของพระนางลักษมี พระชายาของพระวิษณุ ซึ่งตามความเชื่อของชาวฮินดูจะมีเทพที่สำคัญสูงสุดอยู่ 3 องค์ได้แก่
01 พระพรหม เทพผู้สร้าง
02 พระวิษณุ เทพผู้ปกปักรักษา และ
03 พระศิวะ เทพผู้ทำลาย
ดังนั้น ในประเทศอินเดียต้นกะเพราจึงสำคัญมากถือเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ และถูกใช้ในพิธีกรรมบูชาเทพเจ้ารวมไปถึงงานศพ คนอินเดียจะปลูกต้นกะเพราไว้บริเวณวัดที่มีการบูชาพระวิษณุ บางคนก็ปลูกไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่า ต้นกะเพราจะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปได้ ในขณะที่คนไทยเราต่างก็เด็ดใบกะเพรามาปรุงเป็นอาหารจานอร่อย แต่กับคนอินเดียนั้นแตกต่าง คนอินเดียเคารพต้นกะเพรามาก โดยมีคติห้ามถอนหรือตัดแต่งกิ่ง จะดูแลรักษาก็ต้องทำเป็นอย่างดี ห้ามเอาสิ่งปฏิกูล สิ่งสกปรกไปรดต้นกะเพราเด็ดขาด สมัยก่อนเคยสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมใบกะเพราถึงมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า “Holy Basil” (คนอินเดียเรียก Tulsi) เพราะ Holy นั้นแปลเป็นไทยว่า ความศักดิ์สิทธิ์ หรือ เป็นที่เคารพ สักการะบูชา อาจเป็นเพราะเข้าร้านอาหารตามสั่งเมื่อใด ก็สั่งผัดกะเพราเนื้อไข่ดาวกินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตักข้าวเข้าปาก ใจก็คิด จะเอาอะไรมาศักดิ์สิทธิ์นะ พอรู้เรื่องนี้ก็ถึงบางอ้อ ชื่อ Holy Basil นี้ได้มาก็เพราะมันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
หมอบลัดเลย์ คุณหมอและมิชชันนารีคนดัง ผู้เข้ามาเผยแผ่คริสตศาสนาในกรุงรัตนโกสินทร์ ก็เคยเขียนบันทึกไว้ว่า คนไทยใช้กะเพรามาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 19 นี่เองโดยสมัยก่อนใช้ใส่แกงกัน เรื่องนี้ถ้าจะมีคนผิด คงต้องหันหน้ามาหาพี่น้องชาวไทยของเรา เพราะคนอินเดียเค้ารู้จักใบกะเพรากันมาก่อน เป็นพืชศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่โบราณกาล แต่ท้ายสุดบางทีคนอินเดียอาจให้อภัยคนไทยก็ได้ ถ้าวันใดมาเที่ยวเมืองไทยได้ลิ้มรสลองชิม คงได้รู้ว่าเมนูผัดกะเพรามันอร่อยเหาะขนาดไหน!
แนะนำ 5 ร้านผัดกะเพรา Specialty ในกรุงเทพ คัดมาเน้นๆ
พักหลังๆมานี้คำว่า Specialty เป็นที่รู้จักมากขึ้นในบ้านเรา ได้ยินโดยมากก็จากร้านกาแฟ Specialty Coffee คือ กาแฟพิเศษคัดมาอย่างดี ราคาแรงได้ใจ กินสักทีนอกจากใจสั่นเพราะกาแฟ อาจจะใจสั่นเพราะเงินในกระเป๋าร่อยหรอด้วยอีกเหตุผลหนึ่ง คนเราในปัจจุบันพิถีพิถันกับการกินมากขึ้น หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองตามกำลัง ตามอัตภาพที่มี
วันนี้ EDT Insider จึงขออนุญาตเป็น เพื่อนชวนกิน แนะนำ 5 ร้านผัดกะเพราของโคตรดี ในกรุงเทพ ที่ได้ชื่อว่าคัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี เป็นผัดกะเพราในสไตล์ Specialty ที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง จะมีร้านอะไรบ้าง ไปดูพร้อมๆกันได้เลย
01 เผ็ดมาร์ค (Phed Mark)
ผัดกะเพราร้านดังขวัญใจชาวโซเชี่ยล ของ มาร์ค วีนส์(Mark Wiens) ยูทูปเบอร์สายกินที่มีอีกฐานะหนึ่งเป็นเขยคนไทย โดยร้านนี้นำเสนอความเป็นกะเพราในแบบดั้งเดิมแท้ๆ เนื้อคุณภาพดีผัดกับพริก กระเทียมแบบแห้งๆ ก่อนจะปรุงรสและโรยหน้าด้วยใบกะเพรา รสชาติเผ็ดร้อนถึงใจ โปะด้วยไข่ดาวเป็ดเยิ้มๆชวนให้น้ำลายสอ
ร้าน Phed Mark มีเมนูให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ผัดกะเพราเนื้อ และผัดกะเพราหมู กับ 3 ระดับความเผ็ด เผ็ดมาร์ค เผ็ดปกติ และเผ็ดน้อย (ขณะนี้ร้านยังเปิดให้บริการแบบ Takeaway เท่านั้น)
ที่อยู่
928 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
พิกัด https://g.page/PhedMark?share
เวลาเปิดทำการ 10.00 - 19.00 น. เปิดทุกวัน
Facebook https://bit.ly/3zbE4Xl
----
02 กะเพราตาแป๊ะ (Kaprao Tapae)
ร้านผัดกะเพราของอดีตหนุ่มวิศวกรผู้มีใจรักในเมนูผัดกะเพรา คัดสรรวัตถุดิบในร้านอย่างดี ทั้งเนื้อ กระเทียม ใบกะเพรา ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในหมู่นักกินที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องมาลิ้มลองรสชาติผัดกะเพราแบบ Specialty สักครั้ง
กะเพราตาแป๊ะ มีเมนูกะเพราให้เลือกอย่างมากมาย ทั้งกะเพราหมู กะเพราเนื้อ กะเพราปลากะพง กะเพราหมึก ชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้นได้เลย
ที่อยู่
39/1 สุขุมวิท, แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
พิกัด https://goo.gl/maps/JTw5hMkWJ1mZpYbQ9
เวลาเปิดทำการ 09.00 - 19.30 น. เปิดทุกวัน
Facebook https://bit.ly/3lw5MJI
----
03 กะเพราคุณพ่อ
ร้านผัดกะเพราที่ตั้งใจเสิร์ฟคุณค่าของเมนูกะเพราเหมือนอาหารที่คุณพ่อตั้งใจทำให้ลูกทาน โดยที่ร้านกะเพราคุณพ่อคัดสรรวัตถุดิบทุกอย่าง ใช้ข้าวหอมมะลิ 100% ใช้ใบกะเพราป่าใบเล็ก เพราะให้กลิ่นหอมฉุนมากกว่า ใช้พริกขี้หนูสวนเพื่อให้ได้ความเผ็ดลึก หอมเป็นเอกลักษณ์ ส่วนกระเทียมใช้ชนิดอย่างดี รวมไปถึงเนื้อสัตว์ก็ใช้ที่มีเกรดอนามัย ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ร้านกะเพราคุณพ่อ มีเมนูเด็ดคือ ผัดกะเพราเนื้อ โดยเนื้อใช้ของคุณโต อดีตวงซิลลี่ฟูลส์ มีระดับความเผ็ดให้เลือก 5 ระดับตั้งแต่เผ็ดมากจนถึงไม่เผ็ดเลย
ที่อยู่
30 ซอยประดิษฐ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
พิกัด https://goo.gl/maps/JbsyfRzLPDCgG3Y57
เวลาเปิดทำการ 10.00 - 20.00 น. เปิดทุกวัน
Facebook https://bit.ly/3khJdJn
----
04 มุมกะเพรา
ปัจจุบันมีมากกว่า 14 สาขาแล้ว กับร้านผัดกะเพราที่มาด้วยคอนเซ็ปต์อาหารจานด่วน แต่ยังเต็มไปด้วยคุณภาพ โดยทางร้านได้เลือกสรรวัตถุดิบคุณภาพดีมาเพื่อปรุงเป็นเมนูผัดกะเพรา ใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดี เนื้อสัตว์ปลอดสาร ใบกะเพราปลอดเคมีและที่สำคัญทุกจานไม่ใส่ผงชูรสเลย
ร้านมุมกะเพรา มี 6 เมนูให้เลือก ได้แก่ กะเพราไก่อนามัย, กะเพราหมูอนามัย, กะเพราเนื้อโคขุนสับ, กะเพราหมูแดดเดียว, กะเพราเป็ดพะโล้ และ กะเพราแหนมเอ็นทอดไก่
ที่อยู่
44 ซอยสุขุมวิท 21 แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
พิกัด https://goo.gl/maps/cRBwhJARRY9M8EFM9
เวลาเปิดทำการ 10.00 - 20.00 น. เปิดทุกวัน
Facebook https://bit.ly/3k97iSr
----
05 พิรุณลักษณ์ กะเพราในตำนาน 105
ในความธรรมดาที่เป็นเพียงร้านอาหารตามสั่งย่านสาธุประดิษฐ์ ปัจจุบันถ้าใครถามหาชื่อ พิรุณลักษณ์ น้อยคนนักจะรู้จัก แต่หากเปลี่ยนเป็น ร้านกะเพราในตำนานทุกคนก็จะร้องอ๋อขึ้นมาทันที ตอกย้ำความเป็นร้านในตำนานที่ทุกคนถามหาได้เป็นอย่างดี
ร้านพิรุณลักษณ์ โด่งดังจากเมนูผัดกะเพราปู และ กุ้ง ที่ได้ชื่อว่า คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี ใช้เนื้อปูคุณภาพดี กุ้งใช้แชบ๊วยตัวใหญ่ๆ ถูกใจสาวกกะเพราอาหารเป็นอย่างยิ่ง
ที่อยู่
ซอยสาธุประดิษฐ์ 16 แขวง บางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120
พิกัด https://goo.gl/maps/8uevn2J5xqGovRjN6
เวลาเปิดทำการ 06.00 - 20.00 น. เปิดทุกวัน