รู้ยัง? ซัมเมอร์นี้ ห้องอาหาร Siam Tea Room
ได้เตรียมเมนูไทยสุดพิเศษที่รังสรรค์มาเพื่อคนที่รักและชื่นชอบในอาหารไทยด้วยนะ
โดย เชฟกอล์ฟ – ภัควลัญชญ์ เวชมนต์ ที่ดูแลห้องอาหาร Siam Tea Room ผู้ซึ่งคลุกคลีในแวดวงอาหารไทยมาตั้งแต่เยาว์วัย และเคยทำงานในห้องเครื่องของพระราชวังไกลกังวล ได้รังสรรค์เมนูอย่าง ข้าวแช่ ซึ่งเป็นอาหารที่นิยมในวัง มาให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติกันที่ห้องอาหาร Siam Tea Room @Bangkok Marriott Marquis Queen ’ s Park
"ข้าวแช่" หรือ "ข้าวแช่โบราณ" ของที่นี่นั้นถูกปรุงอย่างพิถีพิถัน มีการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีที่ส่งตรงจากราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเชฟกอล์ฟ อีกทั้งยังเคร่งในเรื่องการรักษามาตรฐานของรสชาติอาหาร ทำให้ไม่ว่าจะมากี่ครั้งรสชาติก็ยังอร่อยเหมือนครั้งแรกที่ทาน เรียกได้ว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดเลยล่ะ
วัตถุดิบหลักที่เชฟนำมารังสรรค์เป็นเมนู ข้าวแช่ เริ่มจาก หอมแดง มะพร้าวกะทิ ไชโป๊ กระชาย กะปิ กุ้งแห้ง พริกหยวก มะกรูด ส้มซ่า สะโพกหมู ปลาดุกย่าง ปลาช่อนย่าง และ ปลากระเบนตากแห้ง ซึ่งจะต้องผ่านขั้นกรรมวิธีในการทำหลายขั้นตอนกว่าจะออกมาเป็นเหล่าเครื่องเคียงได้
ทั้งนี้ยังเพื่อสืบสาน อนุรักษ์วัฒนธรรมอาหารไทย ข้าวแช่ เมนูคลายร้อนตำรับไทยโบราณให้เป็นที่รู้จักแก่สาธารณชน รวมถึงคนรุ่นใหม่อีกด้วย
พูดมาขนาดนี้แล้ว EDTguide ขอพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องเคียงสูตรโบราณ และเครื่องเคียงใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้เข้ากับสไตล์การกินของคนไทยในปัจจุบันมากขึ้น ใครอยากรู้ว่าจะกินให้อร่อยต้องกินยังไง และมีกี่อย่างอะไรบ้าง มาดูกันเล้ยย
เริ่มต้นด้วย Welcome Drink กันก่อนเลย "น้ำใบเตย" เมื่อเดินมาถึงเราก็ได้รับน้ำใบเตยมาก่อนเลย เป็นเครื่องดื่มที่น่าประทับใจมาก น้ำสมุนไพรธรรมดาๆ แต่รสชาติดีสุดๆ หวาน หอม และสดชื่นมากๆ ดับร้อนได้ดีเลย
๑. กระท้อนเสวย
เป็นไอศกรีมซอร์เบต์กระท้อน ที่ให้รสสัมผัสของกระท้อนอย่างชัดเจน ในตัวของไอศกรีมผสมเนื้อกระท้อน ออนท็อปด้วยหมูฝอยกรุบกรอบคลุกเคล้าหอมเจียว และผิวของส้มซ่าที่มาตัดรสไอศกรีม ช่วยเพิ่มความหอมและให้ความสดชื่นมากขึ้นด้วย แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าเมนูนี้มีเสิร์ฟเฉพาะทานที่ห้องอาหารเท่านั้นใครสั่งแบบกลับบ้านไม่มีให้น้าา
๒. ข้าวแช่
ข้าวหอมมะลิที่ผ่านกรรมวิธีในการขัดสารส้มให้ผิวของเมล็ดข้าวใสขึ้นก่อนนำไปหุง จากนั้นนำมาอบควันเทียน แล้วเติมน้ำลอยดอกมะลิ ที่ผ่านการอบด้วยดอกไม้นานาชนิด ทำให้มีกลิ่นหอมละมุนทุกครั้งที่ได้ลิ้มรส รวมไปถึงรสชาติที่เมื่อกินแล้วทำให้รู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับซัมเมอร์สุดๆ
๓. ลูกกะปิทอด
ที่ผสมกะปิจากคลองโคนกับปลาดุกและปลาช่อนย่าง เลาะเอาแต่เนื้อล้วนๆ เพิ่มเครื่องเทศอย่างตะไคร้ กระเทียม หอมแดง น้ำตาลมะพร้าว ลงไปผัดให้เข้ากันและเพิ่มความหอมด้วยการขูดผิวมะกรูดลงไป แล้วนำมาปั้นเป็นลูกกลมขนาดพอดีคำชุบไข่กับแป้งแล้วน้ำลงทอด รสชาติกลมกล่อมถึงเครื่อง เหมาะกินคู่กับกระชายเข้ากันสุดๆ
๔. พริกหยวกสอดไส้
เริ่มจากการนำกุ้งสับและหมูสับ คลุกเคล้ากับสามเกลอ ไข่เป็ด เติมเครื่องปรุงต่างๆ ผสมให้เข้ากัน ในส่วนของพริกหยวกจะกรีดเป็นรูปตัวที คว้านเมล็ดพริกด้านในออกให้หมดเหลือแค่ตัวพริกสีเขียวและต้องไม่มีรสเผ็ดเหลืออยู่ แล้วค่อยนำไส้ที่เตรียมไว้ใส่ข้างในพริกจากนั้นนำไปนึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการทำไข่แหจะใช้ไข่เป็ดกรองหลายๆ รอบ นำไปเทใส่กระทะเป็นรูปแห พอเหลืองกรอบแล้วก็นำขึ้นมาห่อตัวพริก เป็นอีกวิธีในการเพิ่มความงามให้อาหาร ทำให้ดูน่ากินมากๆตอนเสิร์ฟจะหันเป็นชิ้นๆ ให้ด้วย ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะกินยาก
๕. หอมแดงยัดไส้ปลา
เป็นอีกหนึ่งเครื่องเคียงที่ต้องการให้คนที่ทานได้ลิ้มรสของไส้ปลาแบบเต็มคำ ด้วยการคว้านเอาเนื้อในหอมแดงออกให้เยอะที่สุด การทำไส้เริ่มจากการใช้พริกชี้ฟ้าสีแดงโขลก ไปผัดกับน้ำมันและกะทิ ก่อนจะนำปลาที่ผัดกับถั่วลิสง มะพร้าว พร้อมเครื่องสามเกลอ ตะไคร้จนมีกลิ่นหอม ใส่ลงไปผัดรวมกันแบบเน้นๆ แล้วห่อด้วยหอมแดงที่คว้านเนื้อออกแล้ว ก่อนนำไปชุบแป้งสูตรพิเศษพร้อมนำไปทอด กินคู่กับมะม่วงแก้วขมิ้นเพื่อตัดรสและจะยิ่งทำให้รสชาติดีขึ้นด้วยค่าา
๖. หมูฝอย
เชฟเลือกใช้เป็นสะโพกหมู นำไปย่างจนหอมกรุ่น นำไปทุบ ด้วยน้ำหนักที่พอดีำม่แรงจนเกินไป แล้วค่อยๆ ฉีกออกให้เป็นเส้นๆ จากนั้นก็นำหอมแดงไปผัดด้วยไฟกลางจนหอมได้ที่ ลงน้ำตาลไปผัดให้หอมฟุ้ง แล้วค่อยใส่หมูที่ฉีกไว้ลงไปผัดด้วยกัน สามารถเติมน้ำเปล่าลงไปให้ส่วนผสมเข้ากันจนน้ำค่อยๆ ซึมซาบเข้าไปในเนื้อ ขั้นตอนนี้จะค่อนข้างใช้เวลานานเป็นชั่วโมง เพราะต้องใช้ไฟกลาง แต่วิธีนี้จะช่วยให้รสชาติของหมูฝอย หวานฉ่ำ และ กลมกล่อม
๗. ปลายี่สนผัดหวาน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าปลายี่สนคือปลาอะไร ปลายี่สนเป็นปลากระเบนตากแห้งที่นำไปแช่น้ำ ๑-๒ วัน และต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ เพื่อรักษาความสะอาดขอปลาหลังจากนั้นนำมาทุบให้เป็นเส้นๆ แล้วฉีกเป็นฝอยก่อนจะพักแยกไว้ เตรียมเครื่องเทศได้แก่ ตะไคร้ กระเทียม กระชาย รากผักชี ตำรวมกัน แล้วเริ่มผัดกะทิให้หอมจนเป็นขี้โล้ ตามด้วยเครื่องเทศที่เตรียมไว้ลงไปผัดด้วยกันให้หอม ใส่ปลาเส้นลงไปผัด ใช้เวลาผัดจนเครื่องเทศกับปลาเข้ากันดี เสร็จแล้วค่อยนำไปปั้นเป็นคำพอดีทาน รสชาติที่ได้จะมีความกลมกล่อมของปลาและเครื่องเทศ
๘. ไชโป๊ผัดหวาน
อีกหนึ่งเครื่องเคียงที่เรารู้จักกันดีอย่าง ไชโป๊ ทางเชฟเขาก็ได้คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีส่งตรงจากโพธารามเลย มีการนำไชโป๊มาล้างก่อน 3-4 น้ำ แล้วนำมาผัดรวมกับตัวหอมแดงจนหอมกำลังดี หลังจากนั้นใส่น้ำตาลมะพร้าวแล้วผัดจนได้ที่ บอกเลยว่าเครื่องเคียงอันนี้ใช้เวลาผัด 1-2 ชั่วโมงเลย เพื่อให้ตัวซอสนั้นเข้าเนื้อหัวไชโป๊และได้รสชาติที่กลมกล่อม แต่ความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านั้นนะ ที่นี่เขายังมีการอบควันเทียนเพิ่มความหอมและเพื่อให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย
๙. อัญชันยัดไส้กุ้ง
เมนูที่คิดเพิ่มมาจากสูตรเก่าๆ ให้เข้ากับคนสมัยใหม่ เพิ่มอรรถรสให้เมนูข้าวแช่ ซึ่งกุ้งที่ใช้จะเป็นกุ้งแชบ๊วยนำไปตบเบาๆ และค่อยๆ สับไม่ให้เนื้อละเอียดจนเกินไปแต่ให้สัมผัสได้ถึงเนื้อของกุ้งที่ผสมกับเครื่องเทศอย่างชัดเจน เมื่อได้ไส้แล้ว ก็นำดอกอัญชันแล้วชุบแป้งทอดให้กรอบ ตอนกินจะใ่ผักแนมเพิ่มหรือไม่ก็ได้ แล้วตบด้วยข้าว จะยิ่งอร่อยละมุนขึ้นอีก
๑๐. ไข่เค็ม
นำไข่แดงเค็มไปบดให้ละเอียดปรุงรสเล็กน้อย ให้พอมีรสชาติเพิ่มขึ้น เนื่องจากตัวไข่เค็มมีความหอมมันอยู่ ปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดกำลังดี จากนั้นเชฟก็จะนำไข่ที่ปั้นไว้ชุบกับไข่เป็ดแล้วนำไปทอด และใช้ไข่เป็นที่ทอดเป็นเส้นๆ มาโรยด้านบนตอนจัดเสิร์ฟ
๑๑. ผักสดแนม
มีหลายอย่างสำหรับทานคู่กับเครื่องเคียงของข้าวแช่ ผักต่างๆ จะแกะสลักมาอย่างสวยงามเพื่อให้เข้ากับธีมแบบชาววังและน่าทานมากๆ ได้แก่ ขมิ้นขาวอ่อน กระชาย แตงกวา มะม่วงแก้วขมิ้น พริกชี้ฟ้าแดง และ ขึ้นฉ่าย
๑๒. น้ำแตงโม
เป็นเครื่องดื่มดับร้อนชั้นดีในมื้ออาหารนี้เลยก็ว่าได้ น้ำแตงโมโซดา ที่มีปลาแห้งป่นโรยตรงขอบแก้ว ตกแต่งด้วยเนื้อแตงโม เสียบไม้น่ารักๆ ตอนดื่มก็จะสัมผัสได้ถึงความหวานหอมของน้ำแตงโม และปลาแห้งป่นที่ขอบแก้วไปพร้อมๆ กัน แนะนำว่าให้คนน้ำแตงโมและโซดาให้เข้ากันก่อน แล้วค่อยดื่ม คู่กับเนื้อไปได้เลย ฉ่ำสุดๆ
และเคล็ดลับการกินข้าวแช่ให้อร่อย คือไม่ควรตักเครื่องเคียงใส่ในชามข้าวแช่และกินพร้อมกัน เพราะจะมีกลิ่นคาวและอาจทำให้เสียรสชาติได้ดังนั้นการกินข้าวแช่ควรเริ่มต้นด้วยของที่คาวที่สุดก่อน ไล่จากลูกกะปิ ตามด้วยปลายี่สน และเครื่องคาวอื่นๆ ที่มีไปจนถึงของหวาน โดยสามารถสลับสับเปลี่ยนกันได้ตามความชอบของแต่ละคน
นอกจากนี้เชฟยังแนะนำอีกว่า เครื่องเคียงคาวหวานควรกินคู่ผักสดแนมอย่างกระชาย มะม่วงแก้วขมิ้น ขมิ้นขาว แตงกวา และต้นหอม หากใครมีตัวเลือกในใจแล้วก็สามารถ Mix and Match ได้ตามสะดวกเลย ตรงจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มความสนุกและอรรถรสในการทานอาหารให้ผู้ทานได้อย่างดีเลยล่ะ
ใครที่สนใจสามารถมาลิ้มลองรสชาติของข้าวแช่โบราณได้ที่ ห้องอาหาร “Siam tea room” ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 64 - 31 พ.ค. 64 และสำหรับคนที่ไม่สะดวกมาทานที่ร้านจะสั่งเป็นเดลิเวอรี่ก็ได้น้า รสชาติเหมือนมานั่งทานที่ห้องอาหารเลย! แถมที่นี่ตัว Box Set เขาก็เป็นกล่องกระดาษ Ecofriendly สุดๆ
ราคา
ห้องอาหาร Siam Tea Room ในราคาชุดละ 590++ บาท
หรือสั่งกลับบ้านแบบ Box set ในราคาชุดละ 490++ บาท
*กระท้อนเสวยสำหรับทานที่ห้องอาหารเท่านั้น*
สำรองที่นั่งได้ที่อีเมล restaurant-reservations.bkkqp@marriotthotels.com
ที่อยู่ : G Floor (Lobby) at Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park199 ซอย สุขุมวิท 22 แขวง คลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
พิกัด : https://goo.gl/maps/YbAMosvMMeriHi1x7
วันและเวลาเปิดทำการ : เวลา 11.00 - 17.00 น.
โทร : 02 059 5999
Website : Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park
Facebook : Siam Tea Room