
The Rain Tree Café บุฟเฟ่ต์นานาชาติกับเมนูเซอร์ไพรส์ไม่ซ้ำวัน
The Rain Tree Café บุฟเฟ่ต์นานาชาติกับเมนูเซอร์ไพรส์ไม่ซ้ำวัน
นอกจากความสะดวกด้านการเดินทางแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอีกด้วย โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำนานาชาติที่ห้องอาหาร เดอะ เรนทรี คาเฟ่ “The Rain Tree Café” ซึ่งเปิดให้บริการบริเวณชั้นล็อบบี้ ภายใต้บรรยากาศหรูหราโปร่งสบาย รายล้อมด้วยต้นไม้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายราวกับนั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและด้วยความที่เป็นห้องอาหารของโรงแรม ดังนั้นจึงวางใจได้ในรสชาติอาหารและคุณภาพของวัตถุดิบ แต่สิ่งที่ประทับใจเป็นพิเศษ คือ การบริการของพนักงานซึ่งเอาใจใส่ลูกค้าในระดับดีเยี่ยมเลยทีเดียว
สำหรับบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ที่ห้องอาหาร "The Rain Tree Café" มีอาหารให้เลือกทานหลากหลายแนว ทั้งอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น อาหารตะวันออก อาหารจากแถบตะวันตก อาหารตามสั่งแบบนานาชาติ และอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศจากประเทศต่างๆ ส่งตรงจากแหล่ง จึงมีเมนูอร่อยให้เลือกทานมากมาย สำหรับในไลน์อาหารที่สามารถเลือกหยิบทานได้ตามใจชอบ มีทั้ง Appetizer ปลาดิบ ซูชิ ลาซาลญา พาสตา พิซซ่า แซลมอนรมควัน พามาแฮม อาหารไทย อาหารอินเดีย ขนมปังฝรั่งเศส เค้ก ผลไม้ สลัด ซุปและอีกสารพัดเมนู
นอกจากอาหารที่วางเรียงตามไลน์อาหารแล้ว ลูกค้ายังสามารถออเดอร์เมนูปรุงสดใหม่ได้อีกด้วย อย่าง Foie Gras ซึ่งฝีมือการปรุงของเชฟที่นี่ถือว่าทำออกมาได้ลงตัวมากๆ หรือจะจัดขาแกะมาอีกจานก็ทานเพลินดีเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมี ปูอลาสก้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยนางรม หอยเชลล์ กุ้ง กั้ง ชอบเมนูไหนก็สั่งทานได้เต็มที่
สำหรับความพิเศษของมื้อค่ำในแต่ละวัน คือ การได้ลิ้มรสอาหารเมนูใหม่ๆ จากชาติต่างๆ โดยเกิดจากแรงบันดาลใจในการเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อชิมอาหารจากทั่วทุกมุมโลกและต้องการให้ลูกค้าได้สุนทรีย์ กับการทานอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติมากขึ้น จึงได้เซอร์ไพรส์ลูกค้าด้วยเมนูพิเศษแบบไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
วันอาทิตย์ เต็มอิ่มชวนฝันในสไตล์ฝรั่งเศส สังสรรค์ไปกับแชมเปญรสเลิศจาก "Blanc de Blancs" (บลอง เดอ บลองส์) พร้อมกับลิ้มรสเมนูพิเศษ เริ่มจาก Tuna Nicoise Salad (ทูน่านิซัวส์สลัด) ทูน่าปรุงสไตล์ฝรั่งเศส โรยงาให้รสชาติที่อร่อยลงตัว
ต่อด้วย Braised Pork Belly with Apple and Smoked Bacon (หมูสามชั้นตุ๋นแอปเปิ้ลซอสกับเบคอน) จุดเด่นของเมนูนี้อยู่ที่หมูตุ๋นจนนุ่มแทบละลายในปาก หอมกลิ่นเบคอนรมควัน และซอสแอปเปิ้ล ทานไปจิบแชมเปญไปเข้ากันที่สุด
ส่วนของหวานจานพิเศษ คือ Chocolate Mousse (ช็อคโกแลตมูส) เป็นเมนูที่เรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดีกับความหวานที่ลงตัว ผสานความนุ่มละมุน ใครได้ลองต้องติดใจแน่นอน
วันจันทร์ พบกับมนต์เสน่ห์ในแบบอิตาเลียน อิ่มเอมไปกับไวน์ขาวและไวน์แดงส่งตรงมาจากอิตาลี อาหารจานพิเศษจานแรก คือ Chicken & Tomato Crêpe Rolls with Ricotta (แป้งเครปห่อไก่กับมะเขือเทศพร้อมชีสรีคอตต้า) ทานคู่กับไวน์รสเลิศจากอิตาลีก็เข้ากันดีมาก
จานต่อมาคือ Scared Scallop with Creamy Leek & Mushroom (หอยเชลล์ราดซอสกระเทียมพร้อมเห็ดหอม) จานนี้มีความนุ่มหนึบและทานง่าย หอยเชลล์ที่นำมาปรุงมากำลังดี เข้ากันกับเห็ดสไลด์ที่รองอยู่ด้านล่าง
ทางด้านของหวานต้องไม่พลาด Caramel Mousse Cake (คาราเมล มูสเค้ก) เค้กเนื้อนุ่มหอมหวาน ซึ่งความหวานของคาราเมลที่มาพร้อมความหอมจะทำให้คุณเคลิ้มจนวางช้อนไม่ลงเลยทีเดียว
วันอังคาร หลงใหลไปกับความมีเอกลักษณ์ในแบบเยอรมัน ราวกับได้เข้าถึงใจกลางกรุงเบอร์ลิน กับเครื่องดื่ม Federbrau (เบียร์เฟดเดอร์บรอย) และ Hugo Cocktail (ฮิวโก้ ค็อกเทล) สำหรับเมนูพิเศษจานแรก คือ Pork Sausage Salad - Roasted Apple (ไส้กรอกหมูเสิร์ฟกับแอปเปิ้ลอบ) ซึ่งบ่งบอกความเป็นเยอรมันได้เป็นอย่างดีกับ ไส้กรอกเยอรมันคุณภาพจากประเทศเยอรมนี
ต่อด้วย Sausage with Mashed Potato and Honey Mustard (ไส้กรอกหมูเสิร์ฟกับมันฝรั่งบดและซอสฮันนี่มัสตาร์ด) ความโดดเด่นของจานนี้อยู่ที่ความหวานของน้ำผึ้งที่มาคู่กับไส้กรอกคุณภาพ ทานกับมันบดเนื้อนุ่มๆก็นับว่าเป็นเมนูที่อร่อยไม่แพ้จานไหนเลย
ปิดท้ายด้วยของหวานกับ Fruit Jelly (เยลลี่ผลไม้รวม) ที่จะช่วยเรียกความสดใสให้กลับคืนมาอีกครั้งผ่าน Jelly สีสันสวยงาม โดยมีท็อปปิ้งเป็นผลไม้ ความหวานกำลังดีจะทำให้ค่ำคืนนี้ไม่จืดจาง ใครมากับคนรักต้องสวีตแน่นอน
วันพุธ สังสรรค์สุดเหวี่ยงแบบชาวลาติน ครึกครื้นกับเสียงเพลงสไตล์ลาตินพร้อมทานอาหารรสชาติเยี่ยมสำหรับเมนูพิเศษจานแรก คือ Chilian Seabass Ceviche with Lime Zest (ปลากระพงเซวิเช่ หมักกับมะนาวและเครื่องเทศ) ความสดของปลาที่สไลด์ได้ขนาดกำลังดี ปรุงอย่างพิถีพิถัน จะทำให้คุณสุขสันต์แบบชาวลาตินแน่นอน
ต่อด้วย Steam Snow Fish with Bell Pepper Sauce (ปลาหิมะนึ่งกับซอสพริกยักษ์) ใครชอบทานปลาถ้าได้ลองเมนูนี้ รับรองว่าต้องถูกใจและยกให้เป็นเมนูโปรดเลยทีเดียวเพราะมีความนุ่มมาก เสิร์ฟพร้อมกุ้งที่ปรุงมาแบบสุกกำลังดีที่ช่วยให้จานนี้มีเสน่ห์ขึ้นอีกด้วย
ตบท้ายด้วยของหวานสีขาวสลับแดง กับ Arroz Con Leche (พุดดิ้งข้าว) พุดดิ้งที่มาพร้อมความหอมอ่อนๆของข้าวและมีความหวานมันแบบลงตัว ใครชอบทานของหวานสไตล์ลาติน ต้องไม่พลาดเมนูนี้
วันพฤหัสบดี ผจญภัยไปในดินแดนเอเชีย ตื่นตาตื่นใจไปกับค็อกเทลสไตล์ตะวันออกหลากหลายชนิด พร้อมกับทานอาหารจานพิเศษ ซึ่งเมนูแรก คือ Smoke Duck and Mango Salad (สลัดเป็ดรมควันเสิร์ฟกับมะม่วงสุก) เนื้อเป็ดนุ่มๆเสิร์ฟพร้อมสลัดมะม่วง นับเป็นความแปลกใหม่ที่ลงตัวมากๆ
ต่อด้วย Panang Salmon (พะแนงปลาแซลมอน) จานนี้ชูความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ ใครชอบทานพะแนงและแซลมอลอยู่แล้วต้องลองดูแล้วจะรู้ว่าเข้ากันดีมาก
ปิดท้ายเมนูพิเศษของค่ำคืนวันพฤหัสบดีด้วย White Chocolate Mango Cake (เค้กไวท์ช็อคโกแลตกับมะม่วงสุก) ของหวานที่มีส่วนผสมของมะม่วง เค้กสีขาวนวลชิ้นนี้จะทำให้คุณฝันดีตลอดคืนแน่นอน
สำหรับราคาบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำนานาชาติวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี ราคาสุทธิต่อหัวอยู่ที่ 1,699 บาท รวมน้ำดื่มและเครื่องดื่มสมุนไพรไทย ส่วนอีกราคา คือ 2,199 บาท รวมไวน์ เบียร์ แชมเปญ ค็อกเทล เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ กาแฟจาก illy และ ชา
นอกจากนี้ในวันศุกร์ และ วันเสาร์ ทางห้องอาหารยังเอาใจคนที่รักการทานซีฟู๊ด โดยมีอาหารทะเลนานาชนิดให้เลือกทานแบบไม่อั้น อย่างปูอลาสก้า หอยนางรมจากฝรั่งเศส หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งลายเสือ ล็อบสเตอร์จากรัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกาและเมนูอื่นๆอีกมากมาย ใครชอบซีฟู๊ดต้องประทับใจแน่นอน สำหรับราคาบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำนานาชาติวันศุกร์และวันเสาร์ ราคาสุทธิต่อหัวอยู่ที่ 1,980 บาท รวมน้ำดื่มและเครื่องดื่มสมุนไพรไทย ส่วนอีกราคา คือ 2,480 บาท รวมไวน์ เบียร์ แชมเปญ ค็อกเทล เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ กาแฟจาก illy และ ชา โดยรวมแล้วถือว่าคุ้มค่าจริงๆกับการมาทานบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำที่แสนพิเศษท่ามกลางบรรยากาศโรงแรมที่โปร่งสบายและดูดีขนาดนี้
ใครที่กำลังมองหาสถานที่ในการแฮงเอาต์กับเพื่อนฝูง ครอบครัว เพื่อนร่วมงานหรือคนรัก “The Rain Tree Café” คือคำตอบที่จะทำให้ช่วงเวลาของการสังสรรค์ เป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุด โดยช่วงเวลาในการทานบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น.-22.30 น. สำหรับการเดินทางไปยังห้องอาหารก็ไม่ซับซ้อน หากใช้ BTS สามารถลงที่สถานีเพลินจิตได้เลยแล้วเดินเข้าไปในถนนวิทยุ เพียงไม่ถึง 5 นาทีจะพบกับโรงแรม “Plaza Athenee Bangkok A Royal Meridien” ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนใครที่ใช้รถส่วนตัวหากมาจากถนนพระรามสี่ให้กลับรถแล้วเลี้ยวเข้าถนนวิทยุ หรือมาจากถนนเพลินจิต ให้เลี้ยวเข้าถนนวิทยุได้เลย หากไปไม่ถูกหรือต้องการติดต่อสอบถามและสำรองที่นั่งสามารถโทรไปได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-650-8800 หรือติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่ www.plazaatheneebangkok.com , http://www.plazaatheneebangkok.com/forms/buffetoffers แล้วคุณจะแฮปปี้กับบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำนานาชาติที่มาพร้อมเมนูเซอร์ไพรส์ไม่ซ้ำวัน ข้อมูลเพิ่มเติม http://goo.gl/rNViVT
https://www.edtguide.com/content/eat-selected/85359
Information
OPEN
- ไม่พบข้อมูล
TEL
- ไม่พบข้อมูล
PRICE
- ไม่พบข้อมูล
ADDRESS
- ไม่พบข้อมูล
FACILITIES
- ไม่พบข้อมูล
CONTACT
- ไม่พบข้อมูล
SHARE

#hashtag
RELATED